วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไว้อาลัย... อากง ส่ง SMS ถูกตัดสินติดคุก 20 ปี โดย มล.ปลืม

คลิป วิดีโอ. มล.ปลืม รายการ DaliDose

http://www.youtube.com/watch?v=vuBHVv3e_Y0&feature=player_embedded#!

คณะกรรมการสิทธิฯเอเชียจี้ปล่อยตัว 'อากง' และนักโทษคดีหมิ่นฯ -พ.ร.บ. คอมพ์ฯ
Fri, 2011-11-25 02:44
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) ออกแถลงการณ์จี้ปล่อยตัวอำพล หรือ 'อากง' ที่ถูกตัดสิน 20 ปีจากการถูกกล่าวหาว่าส่งเอสเอ็มเอสหมิ่นหาเลขาฯ อภิสิทธิ์ ระบุศาลไทย "เป็นที่ที่ไม่อาจหาความยุติธรรม"

สืบเนื่องจากกรณีการตัดสินคดีจำคุก 20 ปี กรณีอำพล (ขอสงวนนามสกุล) หรือ 'อากง' ด้วยข้อหาละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการถูกกล่าวหาว่าส่งข้อความหมิ่นเบื้องสูงหาเลขาอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 54 ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission) จึงได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว โดยเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวอำพล รวมถึงนักโทษที่ถูกตัดสินในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ พ .ร.บ. คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมองว่ากฎหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่คิดเห็นต่าง ในนามของ 'ความมั่นคงของชาติ' ที่มีการนิยามอย่างคลุมเครือ

นอกจากนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียชี้ว่า กรณีนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงวิกฤติด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยอย่างชัดเจน และระบุว่า จะคอยจับตาคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนที่ห่วงใยความยุติธรรมทำเช่นเดียวกัน

0000

แถลงการณ์โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย

ประเทศไทย: โทษจำคุก 20 ปี สำหรับเอสเอ็มเอส 4 ข้อความ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย ประสงค์แสดงความกังวลต่อกรณีล่าสุดที่ตัดสินลงโทษบุคคลด้วยอาชญากรรมด้านเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทย เนื่องด้วยในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 คดีดำหมายเลข 311/2554 อำพล (สงวนนามสกุล) (หรือรู้จักกันในชื่อ ‘อากง’) ชายอายุ 61 ปี ถูกตัดสินจำคุก 20 ปีสำหรับข้อความ 4 ข้อความที่ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551

การกระทำที่อำพลถูกกล่าวหาคือการส่งข้อความทางโทรศัพท์ (SMS) 4 ข้อความไปยังสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ โดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) องค์กรพัฒนาเอกชนไทยที่ทำงานด้านกฎหมายสิทธิรายงานว่า 4 ข้อความดังกล่าวถูกอ้างโดยเจ้าหน้าที่รัฐว่ามีข้อความที่หยาบคาย หมิ่นประมาทราชินีและดูหมิ่นเหยียดหยามพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์

ข้อความตรงตัวของข้อความทางโทรศัพท์ดังกล่าวยังไม่ถูกเปิดเผยจากทางการ เนื่องจากการผลิตซ้ำของข้อความที่ถูกอ้างว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอาจเป็นการละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ ผู้สื่อข่าวจึงไม่สามารถรายงานข้อความดังกล่าวได้ตรงตัว เนื่องจากอาจเสียงต่อการถูกดำเนินคดี

นอกจากความอยุติธรรมที่เขาได้รับจากการถูกตัดสินดังกล่าวแล้ว อำพล (สงวนนามสกุล) ยังทรมานจากโรคมะเร็งที่ลิ้นและไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลในระหว่างการคุมขังก่อนและหลังการไต่สวน ไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าจะการตัดสินดังกล่าวจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก และที่จริง อาจมีข้อกังวลด้านสุขภาพและความปลอดภัยของเขามากกว่าเดิมด้วย ขึ้นอยู่กับเรือนจำที่เขาจะถูกส่งไปจำคุก

และที่ชัดเจนเช่นเดียวกับในกรณีของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่ในขณะนี้อยู่ในเรือนจำเนื่องจากถูกตัดสินจำคุก 18 ปี ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทุกข์ทรมานจากโรคกระดูกขากรรไกร เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีข้ออ้างปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลและละเมิดสิทธิของนักโทษการเมือง

ในวันที่ 3 สิงหาคม 2553 กลุ่มตำรวจจำนวน 15 นายเข้าบุกค้นบ้านพักของอำพล และจับกุมเขา จากนั้นเขาถูกควบคุมตัวในคุกเป็นเวลา 63 วันในชั้นสอบสวน ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในวันที่ 4 ตุลาคม 2553 และเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 เขาถูกสั่งฟ้องโดยอัยการด้วยข้อหาละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และถูกจำคุกตั้งแต่นั้นมา ศาลได้ปฏิเสธการให้ประกันตัวเนื่องด้วยความร้ายแรงของข้อหาและความเสี่ยงในการหลบหนี

การไต่สวนเขาเริ่มขึ้นในวันที่ 23 และระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน 2554 ตั้งแต่เริ่ม อำพลยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยกล่าวว่าเขาไม่ทราบวิธีส่งข้อความทางมือถือ และเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งหาสมเกียรติไม่ใช่เบอร์ของเขา แต่ท่าทีของอัยการคือไม่ยอมรับคำให้การดังกล่าว และระบุว่า หมายเลขประจำเครื่องโทรศัพท์ (อีมี่) ของมือถือที่ส่งข้อความดังกล่าวไปหาสมเกียรติ เป็นของอำพล ดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบ

ตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 โดยเฉพาะรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์สูงขึ้นกว่าเดิมมาก โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ชี้ว่า ในขณะที่อำพลถูกตัดสินจำคุกในข้อหาละเมิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ แต่เขาถูกลงโทษภายใต้กฎหมายอาญา 112 ซึ่งมีโทษที่หนักกว่า นอกจากนี้ มาตราในพ.ร.บ คอมพิวเตอร์ ยังถูกใช้ร่วมกับกฎหมายหมิ่นฯ เพื่อปิดปากผู้ที่เห็นต่างในสังคม และใช้ข่มขู่นักเคลื่อนไหวทางสังคมและพลเมืองอีกด้วย

กฎหมายอาญามาตรา 112 ระบุว่า “บุคคลใดที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกสามปีถึงสิบห้า ปี” ส่วนมาตราใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับในกรณีนี้คือ มาตรา 14 วรรค 2 และ 3 ซึ่งระบุว่า “ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไปเกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ: (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน; (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา”

คำจำกัดความของ “ระบบคอมพิวเตอร์” ระบุไว้ในมาตรา 3 ซึ่งระบุว่า “อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ” วิธีเขียนกฎหมายดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อาจถูกใช้เพื่อโจมตีการสื่อสารและคำพูดที่ผ่านการส่งต่อผ่านทางเทคโนโลยีหลายรูปแบบ ไม่เพียงแต่ทางคอมพิวเตอร์เท่านั้น

การตัดสินคดีนี้ ส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังประชาชนในประเทศไทยว่า ให้ระวังตัวไว้ เพราะว่าข้อความทางโทรศัพท์มือถืออาจทำให้ถูกมองว่าเป็นอาชญากรรม และคุณอาจจะเสี่ยงต่อการจำคุกเป็นเวลานานได้ การขาดการนิยามคำว่า "ความมั่นคง” ที่ชัดเจนในกฎหมาย หมายความว่ามันเปิดโอกาสให้มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐอาจชี้ที่ใครก็ได้ที่เห็นต่าง หรือข้อความที่ตีความเช่นใดก็ได้ ว่าเป็นการละเมิดความมั่นคงของชาติ

ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่วานนี้โดยเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและสถาบันกฎหมายราษฎรประสงค์ก่อนการตัดสินคดี มีข้อความในจดหมายจากลูกสาวของอำพลที่ส่งหานักโทษอีกคนในเรือนจำที่ดูแลพ่อของเธอว่า

"สิ่งที่เราเป็นห่วงเตี่ยมากที่สุดคือ จิตใจที่อ่อนล้าและท้อแท้ของเตี่ย ความเข็มแข็งคงแทบจะหมดไปแล้ว ครั้งนี้ขอประกันตัวอีกกี่ครั้งก็ถูกปฏิเสธตลอด... แต่ความทุกข์ของครอบครัวเราก็ยังเบาบางลงเพราะมีพี่หนุ่มคอยดูแล คอยให้กำลังใจ คอยกระตุ้นจิตใจของเตี่ย...เพราะรู้ว่าไม่ได้สู้เพียงลำพังยังมีคนอื่นอีกมากมายที่โดนแบบเรา พวกเขาก็สู้เพื่อขอความยุติธรรมและอิสระภาพให้กับคนที่ต้องโดนแบบเตี่ยพวก เราพี่น้องทุกคนก็ไม่ท้อแท้แล้วยังมีหนทางสู้เพื่อเตี่ยของเรา พวกเราอยู่ข้างนอกต้องมีกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อคนข้างใน ครอบครัวของเราไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับพวกเราเพราะดูแล้วเป็น เรื่องที่ห่างไกลเหลือเกิน ในความเป็นคนไทยของเราครอบครัวเราทุกคน ให้รักความเทิดทูนเคารพบูชาสถาบันมากที่สุด และเสียใจมากที่สถาบันลูกนำมาใช้อ้างโดยที่สถาบันไม่รู้ไม่เห็น มันเป็นความสะเทือนใจสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคนเพราะคนไทยรักและเคารพสถาบัน มากกว่าสิ่งใด พวกเราต้องสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ เพราะคดีนี้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยที่มีมดปลวกอย่างพวกเราเป็นแพะคอยรับบาป"

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียประสงค์จะแสดงความกังวลต่อการตัดสินคดีและการจำคุกของบุคคลต่ออาชญากรรมของเสรีภาพในการแสดงออก อำพล (สงวนนามสกุล) ถูกตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลาที่นานที่สุดที่เคยปรากฎสำหรับข้อหาการละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

จากหลักฐานที่อ่อนที่ใช้ตัดสินต่อจำเลย และสภาพขัดข้องของจำเลยเนื่องด้วยสุขภาพและอายุ กรณีนี้ได้แสดงให้เห็นชัดถึงศาลไทยที่เป็นที่ที่ไม่อาจหาความยุติธรรมหากแต่ความอยุติธรรมกลับงอกเงย เมื่อฆาตกรสามารถเดินจากไปอย่างเสรี เช่นเดียวกับกรณีการหายตัวของสมชาย นีละไพจิตร กรณีการตัดสินจำคุกชายอายุ 61 ปีจำนวน 20 ปี สำหรับการกระทำที่อ้างว่าส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือ 4 ข้อความที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่าประเทศไทยมีวิกฤติการณ์ทางสิทธิมนุษยชน

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย เรียกร้องให้ทำการปล่อยตัวอำพลโดยทันที รวมถึงนักโทษคนอื่นๆ ที่ถูกจำคุกด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียจะคอยจับตาคดีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหมิ่นฯ และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์อย่างใกล้ชิด และขอเรียกร้องให้ประชาชนที่ห่วงใยสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในประเทศไทยให้ทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน

ที่มา: แปลจาก THAILAND: Twenty years in prison for four SMS messages

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เรื่องงาน....

เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมทำงานอยู่ที่ชั้น 7 สนญ. นะ
และก็ทำ โอที ด้วย เลิกงานมาดึก ๆ ยังเห็นพวกสาขายังนั่งทำงานกันอยู่เลย (อืม... งานคงเยอะนะ)

ผมก็เดิน ๆ ผ่าน ก็อีม..(มีปิ้งสาวด้วย) เอาแ้ม้ ไปช่วยเค้าหน่อยเค้าก็ใจดีนะ เค้าให้ผมช่วยแยกสลิป
(ส่วนที่นี้ตอนมาทำใหม่ จะช่วยหยิบอะไร เ้ค้าเอาตัวกระแทกใส่เลย ไม่ให้ยุง บอกว่าผมเป็น Spy บาง อย่าสอนอะไรมันมาก เดียวมันก็ไปแล้ว)

ก็ไปช่วยเค้าแยกสลิป ปิดสาขา ก็ไปส่งไกลนะ
นั่งรถเมล จาก สนญ. ไปพงเพชร แถวบางเขน
ไกลมาก แล้วก็ันั่ง รถเมล กลับ ดาวคะนอง
คิด ๆ เรานี้ก็ทรหดดีนะเนี้ย...

พวกเค้าก็ดีนะ ต้อนรับดี มีเลี้ยงอะไรกัน ก็ชวนผมไปด้วย คุยกันสนุกดี

ไม่เหมือนตอนที่ผมมาทำสาขา จริง ๆ มันต่างยังกับหน้ามือ เป็นหลังมือ

มีเลี้ยง หลังสัมนา นี้ เดินไปไหนก็หาที่นั่งไม่ได้
ต้องไปนั่งกับแขกต่างชาติ ของ รร.

หลัง ๆ ผมรู้ทัน (ระบบหมาหัวเน่าไม่มีใครคบแหมแบบนี้ นี้เอง) มีเลี้ยงปั๊ป เดินไปกิน บุปเฟ่ รร.เลย ไม่กี่ร้อยเอง สะบายใจกว่ากันเยอะเลย

คือมันเป็นการแสดงความไม่ต้องการ
รังเกียจ ฯลฯ เรามันเหมือนเป็นส่วนเกิน
โดย... มีอำนาจนอกระบบ บงการมาอีกเป็นทอด ๆ

ผมก็รู้ตัวนะไม่ได้ดื้อด้านอะไร
พอจะขอย้ายกลับ ดันล๊อก ว่าต้อง 2 ปี ถึงย้ายกลับได้
พอ 2 ปี บอก ว่ามาทำ 7 วัน 1 ปี ย้ายได้เลย
พอ ครบปี ขอย้าย ย้ายไม่ได้...
แบบนี้ไ่ม่เรียกว่าหลอกกัน ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร

แล้ว ผมไปดือด้านตรงไหน เหรอครับ...
ผมก็ไม่ได้อยากทำ อยากอยู่หรอกนะ
เพราะมีแต่ข้อหา สารพัด มีปล่อยข่าวให้ผมเสีย ๆ หาย ๆ ทำไปก็เปลืองตัว วัน ๆ ก็มีแต่มาเยาะเย้ย
เย้ยหยัน ส่อเสียด ล้อเลียน มันน่าทำตรงไหน
เค้ามีแต่ความหวาดระแวง ไม่ได้มีความจริงใจ
แบบนี้มันก็ร่วมงานกันไม่ได้หรอก ผมก็ขยะแขยง เต็มที

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เรื่อง น้ำท่วม

คลิป น้ำตา ที่มาจากใจ ...





คลิป ข้อเท็จจริงการกักเก็บ ระบายน้ำ เขื่อนยันฮี (ภูมิพล) ดูเข้าใจง่ายพร้อมกราฟประกอบ ชัดเจน

ลำดับ เหตุการณ์ น้ำท่วม....

-เดือน มิถุนายน 2554..พายุไหหม่า (Haima) ถล่มเข้าประเทศไทย จังหวัด แพร่,เชียงราย,พะเยา,น่าน,ตาก,สุโขทัย, ดินถล่ม น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อน411,573 ครัวเรือน , พื้นที่การเกษตร เสียหายจำนวน 159,598ไร่ , สมัย พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรี

-เดือน กรกฏาคม 2554..พายุนกเตน (Nockten) เข้าถล่มประเทศไทยเป็นลูกที่สอง พื้นที่ภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ โดนอิทธิพลของพายุลูกนี้ เกิดภาวะน้ำท่วม แม่ฮ่องสอน,น่าน,แพร่,อุตรดิตถ์,พิษณุโลก,พิจิตร,หนองคาย,เลย,อุดร,สกลนคร,นครพนม...พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงเป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ ยังคงเดินหล่ออยู่ ในตำแหน่ง รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี

-เดือน กันยายน 2554 พายุ 2 ลูกก็เข้ามาเฉี่ยว ๆ ประเทศไทยคือ พายุไหถ่าง (Haitang) และ ไต้ฝุ่นเนสาท (Nesat) ส่งผลให้ ฝนตกหนักทุกภาคของประเทศไทยยกเว้นภาคใต้ น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน-และภาคกลาง ,พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ได้เวลาเกาไข่ อิดๆ ออดๆ ลุกออกไปจากตำแหน่งพอดี.

รัฐบาลยิ่งลักษณ์:

-วันที่ 8 สิงหาคม 2554...นส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตร

-วันที่ 9 สิงหาคม 2554.. ครมยิ่งลักษณ์ ได้รับการโปรดเกล้า...

-วันที่ 11 สิงหาคม 2554.. ครม.ยิ่งลักษณ์เปิดประชุมนัดแรก

-วันที่ 23-24-25 สิงหาคม 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แถลงนโยบาย

สรุป รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้าบริหารประเทศได้ในเดือน กันยายน 54, ในขณะที่น้ำที่พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ ทิ้งค้างไม่ทำอะไรเอาใว้ ไหลเข้ามาถึงคอหอยพอดี.....................

ผู้เชียวชาญเนเธอร์แลนด์ วิเคราะห์น้ำท่วม แนะวิธีแก้ไข ฉบับเต็ม

1..

2..

ร่วมภาพ สายธารน้ำใจ FARED ช่วยผู้ประสบภัย

จตุพร พรหมพันธุ์ อภิปรายประชุมร่วมรัฐสภา 11 พย. 54 น้ำมันท่วมได้อย่างไร ทำมัยมันถึงท่วม...

คลิป รบ.ช่วยผู้ประสบภัยทั่วไทย 1 จังหวัด ช่วย 1 เขต กทม. ยิ่งใหญ่ทรงพลัง...

เรื่อง... ยังแดงไม่หยุด
สารคดี "ประเทศไทย-ความยุติธรรมที่ปลายกระบอกปืน" โดย BBC พร้อม Sub ภาษาไทย ...

แอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล นักข่าวมือแฉ "วิกิลีกส์ไทย" ซัด "เอกยุทธ" น่ารังเกียจ-หมิ่นสาวเหนือขายบริการ

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตอบคำถามลอย ๆ ปากแข็ง

เออ... คงต้องท้าวความกันยาว มันเป็นเรื่อง ที่เล่าไม่หมด หรือไม่ก็ไม่ยอมเล่าออกมาเองเพื่ออะไรสักอย่าง...

ผมไม่ได้ปากแข็ง เราคุยกันแล้ว... แต่คุยกัน 2 คน เค้าไม่ได้เล่าให้พวกคุณฟังเหรอ

ออ.. เค้าคงลืมไปแล้วมัง หรือเค้ามีเหตุผลอื่นแอบแฝง อะไรก็สุดแท้แต่

ผมไม่ได้ โกรธแค้น ชิงชัง เค้าหรอกนะ เข้าใจ ผมเฉย ๆ

( สิ่งที่ตรงข้าม กับความรัก ไม่ใช่ความโกรธแค้นชิงชังอะไร แต่เป็นความเฉย ๆ )

ที่ผมเฉย ๆ ตอนแรก ก็เพื่อรอ รอการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่ก็เปล่าประโยชน์

นานไป ก็กลายเป็น คนแปลกหน้า ไป สุดท้าย ก็กลายเป็นความรู้สึกเฉย ๆ

มันเป็นของมันแบบนั้น มันก็คงเหมื่อน พวกดารา หล่อ สวย แล้วก็จบไป ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเรา

-----------------------------

เรื่องราว มันมีจุดเปลี่ยน มากมาย จุดเหล่านั้น เมื่อก่อนผมมองไม่ออก

ตอนนี้ผมลองนึกย้อนกลับไป ผมมองออกแล้ว...

ญาติ ผมเอง ผมเป็นคนโชคร้าย มีญาติคอยตามหวังดี ตลอด 20 กว่า ปี ไม่ได้หยุดได้หย่อนเลย

เค้าต้องการ ควบคุม บงการ สั่งการ ชีวิตผม ตามที่เค้าคิด เค้าเห็น เค้าต้องการ

แน่ละ ก็ไม่ใช่ความต้องการของผมสักกะหน่อย แล้วใครเล่าจะไปยอม

เค้าก็จะสร้าง คอนเน็กซ์ชั่น แล้วก็เสี้ยมสอน สนตะพาย บงการอยู่หลังฉาก

เค้าใช้วิธี เหยีบหยาม เยาะเย้ย ถากถาง ดักด่า ฝากด่า ด่าลอย

อะไรที่เป็นความสุขของเรา เค้าจะคอยตามยึด ตามบ่อนทำลาย

นั้นเป็นสิ่ง ที่ญาติผม เค้าเป็นโดยสายเลือดเลยนะ

เค้าทำกันตั้งแต่พวกเค้ายัง หนุ่ม ๆ ตอนนี้ก็แก่ลงโลงไปหลายคนแล้ว

ก็ยังทำกันอยู่ เค้าเป็นพวกอำมาตย์ เค้าใช้วิธีแบบอำมาตย์

ก็นั้นเป็นควาเชื่อ ของเค้า ไม่ใช่ของผม

----------------------------------

เค้าจะไม่ให้ใครคบด้วย พูดด้วย หรือ คุยกันก็ต้องคอยเบรก คอยวีน จ้องจับผิดคำพูด

คอยดักด่า ที่สุดแล้วทำไรไม่ได้ กูวางยา จะได้ด่าได้ หรือไม่ก็ให้คนมาพูดล่อเป้าแบบนี้ ก็ถมไป... เป็นกันมาก ถือว่าเป็นวิชาการปกครอง เค้าคุยกันแบบนั้นนะ แล้วก็เฮฮากัน เวลาทำเป้าได้ ข้านี้เจ้ง ข้านี้แน่มัย อะไรแบบนั้น เป็นกันมา 20 กว่าปีแล้ว

ไม่ให้ผมคบใครก็ได้จัดให้ ให้เป็นหมาหัวเน่า ได้จัดให้ ไม่จำเป็นก็ไม่คุยกับใครก็ได้

ไม่ให้มีเพื่อน จัดให้ ไม่ให้มีแฟน จัดให้ (กลัว คอนเน็กชั่นจะขาดก็หลอกเค้าว่าทำแบบนี้นะ แล้วจะได้ ชีแกก็โง่บัดซบเชื่อไปได้ จบกันชีวิตผม มีคนเอาไปเที่ยวเร่ขาย กันเป็นทอด ๆ โห้เยอะนะแบบนี้ มากมายหลายราย ไม่ได้หยุดได้หย่อนเลย)

หรือไม่ ก็ให้สาว ๆ มาหลอกให้รัก แล้วก็ทิ้งไป แบบนี้ก็มีบ่อย ๆ

ตอนนี้ ผมไม่หลวมตัวแล้วนะ ผมก็ตั้งเป้าว่า ไม่รักใคร คุยเล่นได้

แต่ไม่รัก ไม่ชอบ เพราะที่สุดแล้ว กลุ่มสนตะพาย ก็จะตามมาทำลายอยู่ดี

หรือไม่ คนที่มาก็ได้รับโปรแกรม สั่งการ ไว้แล้ว สู้เราไม่รักใคร ดีเลิศประเสริฐสุด

ความเงียบเหงา เป็นเพื่อนที่ไม่น่าคบเท่าไรนัก แต่ก็เป็นเพื่อที่จริงใจที่สุดที่ผมมี

นั้นคือเส้นทางของผม

ในเมื่อ ผมไม่มีเคยมีอะไรหรือได้อะไร ผมก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องสูญเสีย


วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

2 เขื่อนยักษ์ ปริศนาลับ! กำจัดปู! บทพิสูจน์น้ำ “หมื่นล้านคิว” มาจากไหน?ใครวางงาน?

เอ้าคุณ "เอิน กัลยกร" เอาข้อมูลไปอีก เผื่อหูตาจะสว่างขึ้นบ้าง
ปกติเขื่อนภูมิพล จะต้องมีระดับความจุเก็บกักน้ำต่ำสุดคือ 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ความจุเก็บกักน้ำต่ำสุดคือ 2,850 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งก็จะมีปริมาณน้ำที่แม้จะน้อยแต่ก็พอประคองสถานการณ์ภัยแล้งได้บ้าง
แต่ในปีนี้การดูแลน้ำในเขื่อนทั้ง 2 เกิดความวิตกในเรื่องภัยแล้งมากจนเกินเหตุ ทำให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทั้งๆที่ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีอยู่ที่ความจุ กว่า 6,000 ล้าน ลบ.ม. แล้ว แต่กลับไม่มีการพร่องน้ำเอาไว้เลยแม้แต่น้อย (ดูกราฟที่ 1 และ 2 ประกอบ)
ทำให้ในช่วงเดือน พฤษภาคม มิถุนายน จนถึงกรกฎาคม น้ำในเขื่อนถูกเก็บกักเอาไว้สูงขึ้นเรื่อย
ประกอบกับในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีการเลือกตั้ง ทำให้เกิดช่วงสุญญากาศทางการเมือง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ทำให้การดูแลระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของกรมชลประทาน
เนื่องจากกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะสามารถทำหน้าที่ได้ ก็เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะรัฐนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากนั้นในวันที่ 10 ส.ค. นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี จึงได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 รพ.ศิริราช
ซึ่งในวันที่ 13 สิงหาคม ตามกราฟจะเห็นว่า เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ มีความจุน้ำพุ่งขึ้นไปถึง 8,400 ล้าน ลบ.ม.แล้ว ทำให้เมื่อเจอกับพายุเข้า 3-4 ลูกติดๆกัน น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 จึงขยับขึ้นมาเต็มเขื่อนอย่างรวดเร็ว
เมื่อน้ำในเขื่อนสิริกิติ์แตะระดับ 9,500 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนภูมิพลแตะ 13,500 ล้าน ลบ.ม. ในต้นเดือนกันยายน จึงทำให้เขื่อนต้องเร่งระบายน้ำ และกลายเป็นมวลน้ำจำนวนมหึมาที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั่นเอง และกลายเป็นโศกนาฎกรรมใหญ่ในครั้งนี้