ขอชมเชยด้วยจิตคารวะนักรบไซเบอร์ทุกท่านสู้ด้วยใจ และอุดมการณ์ที่แข็งแกร่งจริงๆ
ศัตรูใช้วิธีมารทุกรูปแบบเพื่อฆ่าท่านมหาบุรุษทักษิณจากกรณีจารกรรมความ ลับการบิน เขาใช้ทั้งไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน สื่อกระแสหลักที่เคารพเกรงใจอำมาตย์ รวมทั้งฟรีทีวีทุกช่องออกข่าวโกหกตอแหล มีทั้งโพลล์สารพัดช่วยว่า คะแนนนิยมมาร์กพุ่งสามเท่า
นักรบแดงมีเพียงอินเตอร์เน็ต และดาวเทียมแดง แต่มันก็แปลกศึกครั้งนี้ แดงชนะ อย่างปฎิเสธไม่ได้
มาวิเคราะห์และทวนความจำกัน
24 พย กษิต มันบอกว่า ฮุนเซนแกล้งไล่เลขาเอกสถานทูต ไม่เข้าใจว่าผิดอะไร เขมรแกล้ง
จากนั้นพอฮุนเซนอ้างนายศิวรักษ์จารกรรมข้อมูลความลับการบิน สื่อประโคมข่าวเขมรหาเรื่องวิศวะไทย โอ๋นางสิมารักษ์ แม่นายศิวรักษ์สารพัด
จากนั้น เขมรเผยว่านายคำรบ เลขาเอกสถานทูตไทยสั่งการนายศิวรักษ์ นายศิวรักษ์ และแม่เปิดเผยว่าคำรบสั่งลูกเอาข้อมูลทำให้ลูกของนางติดคุก ตอนนี้สื่อกระแสหลักและทีวีเปลี่ยนโทนว่า นางนี่ผัวมันสนิทกับทักษิณ นางกะลูกเป็นคนเสื้อแดง
โอ้ เปลี่ยนโทนกันง๊าย ง่าย เหมือนถอดกางเกงลิงนั่งโถส้วม
สุดท้ายใช้โพลล์สวนดุสิตว่า คนร้อยละ 63 บอกจัดฉาก แต่นักรบไซเบอร์ และทีวีเสื้อแดงแก้เกมส์ทัน ออกโต้เรื่องนายคำรบคือ คนของกษิต และคนกระทรวงต่างประเทศ จะมีการจัดฉากได้ไง
รัฐบาลเลยหันมาเล่นกัมพูชาว่า wiretapping หรือดักฟังโทรศัพท์ ขัดต่อกฎหมาย แต่นักรบไซเบอร์อีกครั้งใช้เรื่องจารกรรมข้อมูลของนายคำรบมาหักล้างว่า เมื่อไทยจารกรรม เขาก็ตอบโต้จารกรรมโดยดักฟัง แถมบีบคำรบให้ปรากฎตัว มติมหาชนเหนือกว่าโพลล์อย่างชัดเจน จน ปชป ทั้งมาร์ก สุเทพบอกให้เลิกข่าวนี้เหอะ หลังพบว่า สู้ต่อก็แพ้แล้ว และนางสิมารักษ์ทนความเลว พฤติกรรมใส่ร้ายของพรรค ปชป ไม่ไหว ประกาศจะฟ้องนายสุเทพ และนายคำรบ
สุดท้าย นายคำรบเผยตัวหลังถูกบีบเข้ามุม แต่ยังกันนายกษิตว่าไม่สั่งการ ทั้งที่ถ้ามีการสาวต่อจากการดักฟังโทรศัพท์ อาจจะพบอะไรดีๆ กว่านี้ว่ามีการติดต่อจากใครในไทยหรือไม่ นายกษิตเกี่ยวข้องหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ วันนี้ ต้องยอมรับว่า การข่าวของรัฐบาล การข่าวผ่านไทยรัฐ เดลินิวส์ ฟรีทีวีล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลช้ำเลือดช้ำหนองหนักจนล่าสุดคิดจะรุกรานกัมพูชาด้วยกำลัง แต่ก็แพ้การข่าวของเสื้อแดงอีกครั้งจากการเปิดเผยเอกสารลับของสามเกลอ
นักรบไซเบอร์ โดยเฉพาะอีกครั้งนักสู้จากเวปการเมืองยอดนิยมอย่างประชาไท และพันทิพย์ ได้ออกมาทำสงครามด้วยใจเป็นธรรม ปราศจากการจ้างวาน ตอบโต้สื่อหลักอย่างได้ผล จนบัดนี้ สิ่งที่รัฐบาลพูดต้องกลับคำไปมา และเป็นที่สงสัยจากสังคมได้
ชัยชนะครั้งนี้ เพิ่มแรงรุก แรงสู้ ไฟในตัวของผู้รักประชาธิปไตยที่จะใฝ่หาข่าวที่เป็นจริง สัจจธรรม และความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองแทนที่จะให้โจรที่ทหารจัดตั้งครองเมือง
ผมกราบคารวะนักรบไซเบอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านนั่นแหล่ะ สรรสร้างและรังสฤษฎิ์วิถีการปกครองประชาธิปไตยด้วยคีย์บอร์ดของท่านเอง U are the People, U are the greatest !!!!!!!
เครดิต.....
Sat, 12/19/2009 - 12:35 | by เสรีชน
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/10391
+++++++++++++++++++++++++++++++
ไชโย ไอ้อะปิสิด นำประเทศไทยไปเป็นขี้ข้าอะเมริกาเรียบร้อย/ผอ.ข่าวกรองไอ้กันยืนยันว่าสั่งให้ไทยจับจริง/อิบอ๋ายละประเทศไทย
Sat, 12/19/2009 - 12:31 | by ลุงจุก | Report topic
อาวุธชุดนี้จุดปลายทางคือตะวันออกกลาง 555555555
ขนาดไอ้กันยังโดนเละจาก11/9 แล้วไทยละมีแค่หัวกล้วยจะไปต้านอะไรกับพวกแขกตะวันออกกลาง ยิ่งสายสัมพันธ์กับภาคใต้ด้วยแล้ว คอยดูเถอะ แมร่งจะยิ่งรุณแรง
เท่ากับไอ้กันประกาศโดยเปิดเผยว่า ไทยเรานั้นเป้นพวกเดียวกับมัน เท่ากับเป็ยศัตรูกับผู้ก่อการร้ายโดยตรงนั่นเอง สมเพชสมองหมาๆปัญญาควายๆของไอ้เฮี้ยมาร์คจริงๆ*
***************************************************
ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติ สหรัฐฯ ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าสหรัฐฯมีบทบาทในกรณีนี้ เผย อาวุธผิดกม. น้ำหนัก 30 ตัน จาก โสมแดงที่ถูกยึดได้ในไทย มีจุดหมายปลายทางนำไปส่งที่ตะวันออกกลาง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. อ้าง นายเดนนิส แบลร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า อาวุธผิดกฎหมายน้ำหนักประมาณ 30 ตัน จากเกาหลีเหนือที่ถูกยึดได้ที่ประเทศไทย มีจุดหมายปลายทางนำไปส่งที่ตะวันออกกลาง
รายงานระบุว่า นายเดนนิส แสดงความเห็นลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ระบุว่า หน่วยงานหลายแห่งของสหรัฐอเมริกา ได้ประสานความร่วมมือระหว่างกันและกับหุ้นส่วนในต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ แล้ว สามารถนำไปสู่การสกัดกั้นการลักลอบขนอาวุธของเกาหลีเหนือไปยัง ตะวันออกกลางได้สำเร็จ
นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของอาวุธที่ถูกยึดได้ในประเทศไทย และเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่าสหรัฐอเมริกามีบทบาทในกรณีนี้
นายเดนนิส ระบุด้วยว่า การยึดอาวุธดังกล่าวแสดงถึงการปรับปรุงความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานด้าน ข่าวกรอง 16 แห่ง หลังจากที่หน่วยงานเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าขาดความร่วมมือกัน ซึ่งนำไปสู่การโจมตีของผู้ก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐออนไลน์
19 ธันวาคม 2552, 10:35 น.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น