วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

(((((( พลิกล๊อก ))))))

มันพลิกล๊อก น็อกมืด พะอืดออก
ไม่เข้าล๊อก กระฉอกฉีก จนหงิกหงอย
เป้าที่ตั้ง หวังไว้ ไกลหลุดลอย
กลายเป็นง่อย ถอยหลีก ฉีกหน้าคน

จะตัดผม ทรงนางแบบ แนบของนอก
มันพลิกล๊อก ออกทรง ไม่ตรงผล
ต้องเอาเรื่อง เปลืองเปล่า เข้าตาจน
โทษพิกล คนตัด ขัดตาลาย

สร้าง ข่าวลือ กระหือจิก เสือกพลิกล๊อก
แม้วไม่เห็น เป็นผีหลอก ตอกหน้าหงาย
เหลือง นารก ตกเป็นเหยื่อ เชื่องมงาย
เอาหน้าขาย อายแทบทรุด มุดรูเดิน

มัน พลิกล๊อก น็อกสตรอ ศอ.ออ.ฉอ.
ทหารล่อ ยิงกันเอง เซ็งสรรเสริญ
อั้ยไก่ อู อดฉายวน เล่นกลเกิน
มันพลิกล๊อก ออกเขินๆ เกินใส่ความ

นี่ก็ พลิก ฉีกหน้า พาหงุดหงิด
พันธมิตร คิดหวังผล คนล้นหลาม
มันหรอมแหร็ม แซมชุมนุม กลุ้มปวดกราม
ไม่เป็นตาม คำอวด ปวดไข่ดัน

จากคุณ : เสกคาถา เวปพันทิป ราชดำเนิน

United States unveils new 100-dollar note Apr 21, 2010 08:42 AM









แหล่งที่มา BEP
http://www.newmoney.gov/newmoney/Default.aspx
http://www.newmoney.gov/newmoney/Splashpage.aspx

New 100-krone banknote, 2009 series







The 100-krone will be issued 4 May 2010, depicts The Old Little Belt Bridge and The Hindsgavl Dagger. The pictures shown below are not the final printed banknotes

แหล่งที่มา.... Danmarks Nationalbank,

http://www.danmarksnationalbank.dk/DNUK/NotesAndCoins.nsf/side/New_Danish_banknote_series!OpenDocument

เดลี่โดส์ ... เรื่อง...

คุณปลืม.. วิเคราืะห์ เรื่อง...

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

คลิปทหารยิงกันเอง ตาย 1 .... RIP

ยิงกันเองแบบนี้ ครับ ....



แล้ว ถ้าเป็นพวกเสื้อแดง ละครับ... ใช้กระสุนจริง ยิงเลย เหรอครับ...

ขี่จักยานยนต์ จะไปแจกซีดี ที่ตลาดไท ไม่ได้ทำอะไรเลย ฆ่าเลยเหรอครับ...

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

@@@ "คลื่นลับ" เสาหนวดกุ้ง UHF 550-551 Mhz...



แทบไม่เชื่อตา... นึกว่าศาลาโกหก... เสาหนวดกุ้ง ก็ทำได้... โคตรเทพ...

ทำได้ไง... ภาพไม่ชัด แต่เสียงชัดแจ๋ว สดใส สุดๆ

จากคุณ : samitpol เวปราชดำเนิน

"มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" จากเฟซบุ๊กถึง "ชนชั้นกลาง" ด้วย "รักแห่งสยาม" ที่แท้

สัมภาษณ์พิเศษโดย โต๊ะข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

เป็นกระแสขึ้นมาในอินเตอร์เน็ต เมื่อ "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของผลงานอย่าง "13 เกมสยอง" และ "รักแห่งสยาม" เขียนจดหมายที่มีเนื้อหาอิงกับสภาวะการเมืองปัจจุบันด้วยท่าทีกระตุกขาชนชั้นกลางแล้วนำไปเผยแพร่ผ่านโลกไซเบอร์ ก่อนจะถูกนำมาเผยแพร่ซ้ำในเว็บไซต์มติชนออนไลน์ กระทั่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เพราะมีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

มะเดี่ยวได้รับทั้ง "ก้อนอิฐ" และ "ดอกไม้"

"ก็เฉยๆ นะเพราะเขียนลงบล็อคก็ต้องการบอกอยู่แล้ว" ผู้กำกับดังเปรยยิ้มๆ

เหตุหนึ่งที่ทำให้คนในวงการบันเทิงอย่างเขาตัดสินใจเปิดตัวแสดงความเห็น ทั้งที่จริงๆ แล้วเงียบไว้จะดีกว่า มะเดี่ยวบอกว่าเป็นเพราะกระแสในอินเตอร์เน็ตอย่าง "เฟซบุ๊ก" นั้นน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

"มันเหมือนว่าคนในเมืองมีความเข้าใจอย่างหนึ่ง มีคนเอารูปคนตายลงอินเตอร์เน็ต ก็มีคนแสดงความสะใจ สมน้ำหน้าตายซะได้ก็ดี น่ากลัวคือ แล้วมีคนเห็นด้วยเยอะแยะ เรารู้แต่แรกแล้วว่าคนกรุงเทพรู้สึกยังไงกับการชุมนุม ก็ด่าทุกวันในเฟซบุ๊ก ไปตายซะ เป็นวัวเป็นควายก็กลับไปอยู่นาซะ เราก็ฮึ่มๆ ในใจ เห็นด้วยไหมกับการชุมนุมเราก็ไม่เห็นด้วยทุกอย่าง ก็เดือดร้อนอยู่ แต่มันเป็นผลสืบเนื่องกันมา ก็เข้าใจ" มะเดี่ยวแสดงความเห็น

"ตอนหลังก็ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองอีกด้านมาเหมือนกัน ก็พอจะเข้าใจเหตุที่เขามากัน ยอมรับว่าตอนเขียนก็มีความรู้สึกเหมือนกันกับสิ่งที่คนกรุงเทพทำกับม็อบด้วยทรรศนคติวาจาซึ่งมันสะท้อนอะไรบางอย่าง ก็เลยต้องตบหน้าเขาไปซะทีว่าฟังอีกข้างด้วยอย่าเพิ่งคลั่ง เราก็ต้องตบหน้าให้ได้สติ ฝั่งการเมืองอาจจะคิดว่าเราแดงฉานไปแล้ว" เขากล่าวพร้อมหัวเราะ

ในทรรศนะส่วนตัวของเขาซึ่งก็ออกตัวว่าเป็นคนชนชั้นกลางเหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา มันสะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย นักการเมืองมาก็ไป แต่คนที่จะหาผลประโยชน์กับการเมืองก็ยังอยู่

"แล้วมันยังไง เราขับไล่ทักษิณที่เราคิดว่าเป็นตัวแทนความคดโกงไปแล้ว แต่นักการเมืองบางส่วนที่อาจจะทุจริตก็ยังอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ตอนนั้นยอมรับไม่ได้ แล้วทำไมตอนนี้ยอมรับได้ล่ะ มันก็สับสนว่าสังคมต้องการอะไรกันแน่"

ที่สุดชูเกียรติก็เห็นว่า มันต้องยอมรับความจริงว่านักการเมืองมาด้วยผลประโยชน์ ถ้าตกลงกันได้ สันติสุขก็จะกลับมา ถ้าอำนาจหลายๆ ส่วนตกลงกันได้ก็สันติ แต่ตอนนี้ประชาชนกลับกลายเป็นคนต้องรับเคราะห์ มันเศร้าหมดหวัง เราโตมามันทำให้เราเห็นอะไรเยอะ ตั้งแต่เกิดมาจนวันนี้โลกในอุดมคติมันไม่มีจริงสักอย่าง

"คุณอภิสิทธิ์อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ (อุดมคติ) แต่ว่าแกอยู่ในระบบที่ผิด เราเชื่อว่าประเทศไทยทั้งหมด ชนชั้นมันมีอยู่จริง คนมันจนมันไม่ได้จนเองเฉยๆ นะมันมีที่มาที่ไป คุณทักษิณมองออกทางโครงสร้างแล้วก็เห็นว่าจะช่วยยังไง พอคุณอภิสิทธิ์มาทำนโยบายเดียวกันกลับทำไม่ถูกจุด"

ในอีกด้านก็อาจจะมีเสียงเถียงว่านโยบายของทักษิณเป็นเสรีนิยมค่อนข้างมาก สุดท้ายความมั่งคั่งทั้งหมดก็ไปตกอยู่กับคนที่กระเป๋าใหญ่สุดอยู่ดี เรื่องนี้มะเดี่ยวเห็นว่า "เวลาที่ผ่านไป ก็คิดว่าคนส่วนหนึ่งเขาจะมองออก แต่รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้น นอกจากไปไล่จับคุณทักษิณ"

"สิ่งที่ชอกช้ำคือ คุณทักษิณพยายามจะเป็นเจ้าของสื่ออย่างครบวงจร แต่รัฐบาลชุดนี้ก็ใช้สื่อของตัวเองเต็มที่เหมือนกัน แล้วสื่อเองก็เป็นปัญหาจริงๆ นายทุนสื่อมันมีจริงๆ ในวงการ เขาก็กวานซื้อสื่อ มันไม่ต้องพูดเรื่องการเป็นกลางเพราะว่ามันไม่มีอยู่แล้ว และไม่ว่าเหลืองหรือแดง สื่อก็รับใช้ใครสักคนตลอด คนอยากใช้สื่อก็มารีบกว้านซื้อไปซะ"

"ถ้าต้องให้ประชาชนรับสื่อเยอะแล้วก็เลือกเชื่อเอา แบบนี้ก็เหนื่อยเหมือนกัน จะทำยังไงไม่ให้ใครครองสื่อ ตรงนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องของกลไกหรือจริยธรรม" มะเดี่ยวให้ความเห็น

คำถามคือมันเกิดอะไรขึ้น? ที่ไม่ว่าเปลี่ยนไปข้างไหนก็กลับมีปัญหาเดิมๆ เกิดขึ้นมา อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องถามตัวเอง

ถ้าถามว่าทางออกปัจจุบันของปัญหาตอนนี้ที่หลายๆ ฝ่ายมองว่าควรคุยกัน มะเดี่ยวบอกว่า ที่จริงเขาเองก็เห็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไปกันใหญ่แล้ว เพราะเริ่มไม่ใช่เรื่องของ 2 ฝ่าย และเรื่องราวเลยเถิดจนคนเริ่มลืมจุดเริ่มต้น และเหลือเพียงอารมณ์และความต้องการเอาชนะกันอย่างเดียว

"ก็คิดเหมือนกันนะว่ายุบสภาแล้วไง คุณทักษิณกลับมา อีกข้างก็ออกมาชุมนุม งั้นแก้กฎหมายก่อนไหม แต่บรรยากาศตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจะมานั่งคุยกันได้ไหม? ฝั่งเป็นกลางที่คนเชื่อถือมันไม่มีแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราค่อยๆ ทำลายคนกลางในสังคมไปหมด ด้วยกระบวนการทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันคุยกันยากแล้ว"

เขาว่าในฐานะคนในสังคมส่วนหนึ่งคงต้องเปิดใจยอมรับว่า มันเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงระบบบางอย่างในสังคม แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุด ตอนนี้คือขั้นตอนจะเป็นยังไง ซึ่งเป็นส่วนที่สังคมต้องมาพูดกันว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง

"ปัญหาคือต้องมองให้ออกว่า อะไรคือจุดที่ทำให้ชนชั้นมันต่างกันขนาดนั้น ชนชั้นกลางกลางน่าสงสารที่สุด เพราะไม่มีทุนไม่มีความมั่นคงในชีวิตเขาก็ต้องอิงอำนาจ ชนชั้นล่างหรือกลางใหม่ ตามข้อเขียน อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่บอกว่าจะโตมาจากภาคเกษตร ก็กลับไม่เป็นที่ยอมรับของชนชั้นกลางและสูงเดิมด้วยข้ออ้างว่าไม่มีการศึกษา แต่ว่าปัญหาเกิดจากอะไร ทำไมคนถึงวัดกันที่การศึกษาคืออาจจะเป็นเพราะว่าคุยกันไม่รู้เรื่องเลยด่ากันว่าไม่มีการศึกษา อาจจะเป็นเพราะว่าต่างคนต่างมีตรรกะของตัวเองด้วย"

ในทรรศนะเขาการศึกษานี่แหละซึ่งเป็นตัวถ่างคนให้ห่างออกจากกัน โดยเฉพาะเรื่องของ "การสอบเข้ามหาวิทยาลัย"

"สมัยเราที่จะใช้เกรดม.ปลายแล้วเดี๋ยวก็ไม่ใช้มันงงแล้วนะ แต่เด็กสมัยนี้งงกว่าอีก และสอบแต่ละครั้งก็ใช้เงินค่าสอบ เคยมีเด็กเขียนมาถามเราว่าถ้าไม่มีเงินจะสอบได้ยังไง แล้วมาตรฐานการออกข้อสอบมันมาจากส่วนกลาง แต่เด็กที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เรียนแบบเดียวกับเด็กเตรียมอุดมฯ มันก็ทำกันไม่ได้เลย กลายเป็นว่าถ้าต้องการเรียนสูงต้องเข้าเมือง ต้องไปกวดวิชา ตรงนี้เงินมันก็เข้ามามีบทบาท มาตรฐานการศึกษาตอนนี้ก็อย่างที่รู้กัน ไม่แปลกที่มันจะเกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา"

"นอกจากนี้อาชีวะศึกษาก็ล้มเหลว ส่งไปเรียนแต่นักเรียนตีกัน ส่วนอาชีพบางอย่างก็เป็นอาชีพสำคัญนะ แต่ทำไมระบบการศึกษาส่งคนเข้าอุตสาหกรรมไม่ได้ครบและขาดแคลนขนาดนี้"

มะเดี่ยวบอกว่ามันชัดเจนมากที่ระบบของประเทศตอนนี้มันล้มเหลวไปหมดทุกระบบ

"มันเป็นไปได้ยังไงที่ระบบทุกอย่างในประเทศมันช่วยกันผลักให้คนในสังคมมันล้มเหลวในชีวิตโดยพร้อมเพรียงกันไปหมดขนาดนี้ คนที่จะประสบความสำเร็จได้ถ้าขึ้นมาจากฐาน มันก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเป็นพิเศษ แล้วปลายยอดกับฐานมันถ่างออกจากกันจนกว้างไปหมด"

ถ้ามานั่งคิดดูไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมครั้งไหน ตั้งแต่ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ จนถึงครั้งนี้ เรื่องราวและม็อบทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คล้ายคลึงกันไปหมด ชูเกียรติตั้งคำถามว่าทำไมสังคมไทยยังผ่านจุดนี้ไปไม่ได้สักที

"มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะคนชั้นสูงเอาทรัพยากรไปหมด และคนมันก็เรียนรู้มาเรื่อยๆ คนจนเขาก็ไม่ได้งมงาย มนุษย์เรามีความคิด มีฐานในเรื่องการดำรงชีวิตเป็นแรงผลักที่ทำให้มีสติปัญญา ชนชั้นล่างตอนนี้ต้องการท้องอิ่มก่อน ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันเกิดซ้ำเรื่องเดิม ก็เพราะมันไม่อิ่มมาตลอด 30-40 ปี ไม่อิ่มจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาเคยได้แล้วไม่ได้ ความหวังที่ชีวิตจะได้ลืมตาอ้าปาก มันยังไม่มาถึงเลย"

นั่นแหละปัญหาที่แท้จริง ที่คนชั้นกลางบางส่วนอาจจะยังไม่ตระหนักให้มากพอ จนเป็นที่มาของการแสดงออกต่อม็อบในเวลานี้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงและแตกแยกอย่างน่ากลัว

อย่างไรก็ตามในฐานะคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด มะเดี่ยวเปิดเผยว่าเวลานี้อยู่บ้านก็ปิดทีวี

"สิ่งที่ทำได้คืออย่าโกรธอย่าเกลียดกัน อย่ามาหักหาญกันเกินไป ปล่อยให้คนที่อยู่ในการเมืองทำหน้าที่กันไป หลายคนอาจจะไม่ซีเรียสเรื่องการเปลี่ยนแต่ว่าซีเรียสเรื่องวิธีการ แต่ว่านั่นก็เป็นเรื่องที่เราไปคุมอะไรไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้มันมั่วไปหมด"

"ถึงเวลาควันจางก็หวังว่าเราคงคิดได้ ว่าทุกคนก็รักชาติ สุดท้ายจะพบว่าเราหวังดีต่อกันทั้งคู่ แต่ว่าด้วยอารมณ์มันก็บังตาเราไปบ้าง"


แหล่งที่มา มติชน...

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

ข่าว... ไม่ได้กรอง ในวันที่ 10 เมษ 2553

ลับสุดยอด..เหตุระดมทหารทั้งประเทศ+อาวุธสงครามสลายชุมนุมแดง


เป็นที่ทราบกันทั่วไปสำหรับประชาชนไทยตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นมาว่า การชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาและจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง(นปช.) นั้น ประกอบไปด้วยประชาชนมือเปล่า ซึ่งมีเด็ก คนสูงอายุ และผู้หญิง เกินกว่าครึ่ง



ซึ่งการชุมนุมเพื่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องภายในประเทศ ผู้ที่จะต้องทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในย่อมเป็นหน้าที่ของตำรวจซึ่งมีหน่วยปราบจลาจล ที่ได้รับการฝึกฝนให้ทำหน้าที่อย่างเชี่ยวชาญอยู่แล้ว มิใช่หน้าที่ของทหารหรือกองทัพที่จะต้องป้องกันมิให้มีผู้มาประท้วงให้ยุบสภาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้หากว่าสถานการณ์จะหนักหนาสาหัส ก็อาจจะเรียกตำรวจพลร่ม หรือตำรวจตระเวณชายแดนก็ย่อมสามารถกระทำได้

ที่ยิ่งไปกว่านั้นการนำกำลังทหารพร้อมรถสายพาน รถหุ้มเกราะติดปืนต่อสู้อากาศยาน กำลังพลทุกนายใช้อาวุธประจำกายเป็นปืน M16 ซึ่งใช้ในราชการสงคราม เข้าทำการสลายการชุมนุมของประชาชนมือเปล่าที่สะพานผ่านฟ้า เป็นเรื่องที่น่าฉงนสนเท่ห์ไม่เพียงแต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ยังเป็นที่กังขาสำหรับชาวต่างประเทศอีกด้วย และสำนักข่าวต่างประเทศพากันตั้งคำถามตรงกันว่า " ที่ชุมนุมมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ทำไมรัฐบาลจึงต้องใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามเข้าประหัตประหารชนชาติเดียวกันประหนึ่งว่าเป็นสงคราม ? " ซึ่งการกระทำดังกล่าวละเมิดต่อกฏบัตรปฏิญญาสากล ข้อ 6 ซึ่งแม้ว่าประเทศใด ๆ จะอ้างว่าได้ออกกฏหมายเฉพาะขึ้น ก็มิอาจมีอำนาจเหนือปฏิญญาสากลได้

หลังจากที่รัฐบาลได้ส่งกองทัพเข้ากวาดล้างสังหารประชาชน ผู้มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยให้รัฐบาลยุบสภา ที่สี่แยกคอกวัว ผ่านฟ้า และตรอกข้าวสาร ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก รัฐบาลกลับเรียกกำลังทหารเพิ่มจากทุกจังหวัดใช้อาวุธชนิดเต็มพิกัด รวมทั้งปิดสื่อสารของฝ่ายผู้ชุมนุมทุกชนิด พร้อมกับส่งกำลังเข้ายึดพื้นที่ย่านธุรกิจสีลม ซึ่งเป็นหัวใจแห่งระบบธุรกิจของไทย ได้กลายสภาพเป็นสถานการณ์สงครามเฉกเช่นอาฟกานิสถาน อิรัค


อาวุธที่ใช้คือปืน M16 เป็นอาวุธร้ายแรง สำหรับสงครามโดยเฉพาะมิใช่สำหรับสลายการชุมนุม นอกจากมีไว้ฆ่า


ลักษณะของการเตรียมพร้อมสังหาร มิใช่ลักษณะของการป้องกันผู้ชุมนุมเคลื่อนไหว เขาเตรียมสังหารใคร ?


ลักษณะกริยา อาการแอบ หมอบ มอง แสดงให้เห็นถึงสภาวกดดันภายใน ซึ่งพร้อมที่จะลั่นไกฆ่า บุคคลตรงหน้า ???

ศตฉ.และ รัฐบาล ประกาศว่า "ผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย หรือ กบฏ" ยิ่งสร้างความสับสนให้กับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังประกาศห้ามมิให้ประชาชนเข้าไปร่วมชุมนุม ซึ่งถือว่ามีความผิดอีกด้วย ไม่ใช่เป็นการประกาศครั้งเดียว พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศตฉ. ได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า "ผู้ชุมนุมคือผู้ก่อการร้าย" และทหารจะต้องขจัดภัยของแผ่นดิน รักษาความมั่นคงของชาติ...ดูมันช่างขัดแย้งความความเป็นจริงสำหรับคนที่ไปร่วมชุมนุม หรือ อยากรู้อยากเห็นแล้วไปลองแวะเวียนเข้าไปร่วมชุมนุมเพื่อดูว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่...แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ ศตฉ. หรือ รัฐบาลได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า "ผู้ชุมนุมเป็นกบฏในราชอาณาจักร หรือ เป็นผู้ก่อการร้าย" แม้แต่น้อย

สิ่งที่ยิ่งสร้างความพิศวงงงงวยให้กับประชาคมโลก ว่าเพราะเหตุใด ศตฉ.จึงมีความพยายามอยากยิ่งที่จะต้องสลายผู้ชุมนุมด้วยอาวุธสงคราม รวมทั้งอนุญาตให้ทหารที่รับหน้าที่เข้าสลายชุมนุมทุกนาย สามารถใช้กระสุนจริงได้ทุกคนในภาวะที่สมควรอีกด้วย เท่ากับเป็นใบอนุญาตฆ่า (Lencese to Kill) รวมไปถึงการสร้าง Mob มวลชนเสื้อหลากสี เข้าก่อกวนเพื่อให้เกิดการปะทะและจะได้เข้าปราบปรามด้วยอาวุธสงครามในที่สุด

แม้แต่ โฆษก ศตฉ. หรือ นายก ก็ไม่อาจสร้างความกระจ่างให้กับสังคมได้ว่า ทำไมต้องสร้างสถานการณ์เพื่อให้นำไปสู่การสังหารหมู่อีกครั้ง....ทุกอย่างมืดมนต์อนธกาล ไม่มีคำตอบ...??

สิ่งทั้งหลายย่อมไม่เกิดขึ้นโดยไร้สาเหตุ ย่อมมีที่มา
ความลับย่อมไม่มีในโลก....ในที่สุดเราก็ได้รับรู้ที่มาของสาเหตุการจะต้องไล่ล่าสังหาร กวาดล้างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยให้ยุบสภา ของคนเสื้อแดง ที่ถุกซ่อนไว้ เหมือนการยัดขยะเข้าใต้พรม
แหล่งข่าวในทางลับ รายงานว่า

--------------------------------------

10 เมษายน 2553

ในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงเศษ ขณะทีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ได้บินเพื่อโยนระเบิดแก๊สน้ำตา ลงไปยังผู้ชุมนุมที่สะพาน ได้ปรากฏกองกำลังนิรนามใช้อาวุธปืนไรเฟิล Sniper ยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จนเครื่องยนต์เสียหาย ต้องร่อนลงที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างฉุกเฉิน ไม่อาจขึ้นบินทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตาที่สะพานผ่านฟ้าได้อีก แต่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่งได้บินขึ้นปฏิบัติภารกิจแทน ก็ถูกยิงเช่นกันและในเย็นวันนั้นจึงไม่มีการทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตาอีก

ช่วงเวลากลางคืน 19:02 ภายหลังจากที่เกิดการปะทะที่ตรอกข้าวสาร และได้มีการยิง M79 ทำลายศูนย์บัญชาการส่วนหน้า ทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่เสียชีวิตทันที และบาดเจ็บอีกหลายนาย



ในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนพื้นที่ตั้ง ของ ศอฉ.ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ราบ 11 ทันทีที่ได้ทราบข่าวทางวิทยุสื่อสารว่า พล.ต.วลิต โรจนภักดี โดนยิงด้วย M79 เจ็บหนัก ที่ตรอกข้าวสาร ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งคุมกำลังพร้อมอยู่ที่ ราบ 11 ได้สนธิกำลังและส่งกำลังออกไปเสริมที่สะพานผ่านฟ้าชุดแรกออกไปทันที และในขณะเดียวกันอีกชุดหนึ่งกำลังรอที่จะเคลื่อนออกไปกวาดล้างชุมนุมคนเสื้อแดง แต่แทบจะทันทีทันใด กองกำลังนักรบนิรนาม ได้ยิง M79 จาก 4 มุม เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จากชัยภูมิสูงข่ม (สะพานลอย) ต้านขบวนรถสายพานที่จะเคลื่อนขบวนออกไปนั้นเอาไว้ และเนื่องจากกำลังพลใน ราบ 11 ไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบ จึงมีการสูญเสีย และทำให้การเคลื่อนกำลัง ณ เวลานั้นไม่สามารถบรรลุภารกิจเสริมกำลัง สนับสนุนเพื่อกวาดล้างผู้ชุมนุมที่ตรอกข้าวสาร และสะพานผ่านฟ้าได้ ทำให้ทหารต้องล่าถอยกลับที่ตั้ง และทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งทหารที่หนีไม่ทันได้ยอมปลดอาวุธและมอบตัวกับการ์ดเสื้อแดงเกือบครึ่งร้อย

ในขณะที่กำลังเสริมชุดแรกที่เคลื่อนออกจาก ราบ 11 เพื่อไปเสริมกำลังภารกิจกวาดล้างผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ถนนข้าวสารนั้น

เมื่อขบวนรถทหารดังกล่าวขึ้นทางด่วนรามอินทราเคลื่อนเข้าสู่ทางโค้ง กองกำลังนิรนามซึ่งใช้รถติดปืนกล 2 คันจอดซุ่มข้างทางด่วน ทำทีคล้ายรถตรวจการณ์สนาม



ส่วนรถ 4 วิลสีดำ 2 คันจอดอยู่ใกล้ทางโค้ง โดยนักรบนิรนามจำนวน 14 นายพร้อมอาวุธพิเศษกระจายกำลังซุ่มแฝงตัวอยู่ 2 ฟากข้าง ทิ้งระยะห่างจากรถติดปืน 50 หลา ภารกิจสะกัดกั้นการส่งกำลังบำรุงไม่ให้หนุนไปยังผ่านฟ้าและตรอกถนนข้าวสาร


อาวุธปืนชนิดพิเศษที่นักรบนิรนามใช้ ยังไม่มีในกองทัพไทย ใช้ระบบ 3 Max

และเมื่อรถยีเอ็มซีขนกำลังทหารเพื่อไปไปเสริมกำลังเพื่อกวาดล้างเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าแล่นถึงจุดทางโค้งก็ชลอความเร็ว ก็เท่ากับแล่นเข้าโซนสังหารที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว กองกำลังนิรนามจึงเริ่มจากการยิง M79 เข้าไปยังรถยีเอ็มซึ่งขนทหารพร้อมอาวุธที่วิ่งบนทางด่วน

หลังจากนั้นนักรบนิรนามที่ซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางจึงระดมยิงซ้ำ การต่อสู้ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ชั่วโมง เสียงเอ็ม 16 และเสียงปืนพิเศษของนักรบนิรนาม ดังสนั่นนับพันนัด ๆ ยิงสู้กัน ชนิดไม่รู้ใครเป็นใคร ได้ยินไปทั่ว

และเมื่อ (03:00) กองกำลังนิรนาม จึงได้ยิงปืนสัญญาณเรียกขาน 8 นัด เพื่อส่งสัญญาณถอย ภายหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารกับกองกำลังนิรนาม ได้มีผู้แจ้งให้รถร่วมกตัญญูขึ้นไปเก็บทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตบนทางด่วนนับสิบคัน

ปรากฏว่า จุดปะทะรามอินทรานี้ มีทหารที่บาดเจ็บ-เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นทหารที่ถูกส่งไปเสริมกำลังเพื่อสลายมวลชนที่ผ่านฟ้าทั้งสิ้น ส่วนกองกำลังนิรนามได้ถอนตัวขึ้น4วิลล์สีดำ และรถติดปืนทั้งสองคันขับแล่นฝ่าความมืดหายไปอย่างไร้ร่องรอย...."

.........ที่กล่าวมาคือข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวลับ (ก็สื่อรัฐไม่ให้ข่าว ก็ต้องหาข่าวทางลับนะซิ !)

แต่ตามข่าวที่ออกทางสื่อภาครัฐ (ฟรีTV) และสื่อสารมวลชนทั่วไปจะรายงานออกมาในลักษณะเีดียวกันว่า ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้นมีการปะทะและสูญเสียชีวิตทหารจำนวนมากที่ถนนข้าวสารเท่านั้น แต่จากข่าวสารที่ได้รับ กลับไม่ใช่ (ผิดถูกก็ต้องโทษรัฐบาลที่ปิดกั้นข่าวสารทุกรูปแบบ) และเมื่อเรียบเรียงลำดับการเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังนักรบนิรนามกับทหารที่จะมาเสริมกำลังกวาดล้างชุมนุมเสื้อแดงจะพบว่าเกิดขึ้นถึง 4 แห่งด้วยกัน คือ

1. รัฐสภา เครื่องบิน ฮ.สองลำโดนซุ่มยิงจากกองกำลังนิรนาม จนเสียหายไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ(ขึ้นบิน)

2. ราชดำเนิน ถนนข้าวสาร ปะทะด้วยอาวุธ มีนักรบนิรนามยิงทหาร และถล่ม M79 เกิดการสูญเสียนายทหารระดับสูง

3. ใน ราบ 11 พึ้นที่ตั้ง ศอฉ. ถูกโจมตีด้วยกองกำลังนิรนาม โดยถล่ม M79 ใส่ ศอฉ. หลายระลอก

4. การปะทะของกองกำลังนิรนามบนทางด่วนแจ้งวัฒนะ ปะทะนานกว่า 3 ชั่วโมง ทหารบาดเจ็บเสียชีวิตหลายนาย

จากการปะทะกันระหว่างกองกำลังนักรบนิรนาม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรบและมีอาวุธที่มีอานุภาพสูงกว่าทหารที่ใช้อยู่ในกองทัพ จึงทำให้ทหารเสียชีวิต เกือบร้อยนาย และไม่สามารถจำหน่ายกำลังพลที่สูญเสียได้ ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังความจริง แล้วเอาไปโยนให้กับผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย (คนเสื้อแดง) หรือเปล่า ?

เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้โดยการสัมผัสด้วยตัวเองในความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดว่า

เหตุใด ในเมื่อผู้ชุมนุมไม่ปรากฏว่าพกพาอาวุธ แต่ทหารกลับเตรียมสรรพกำลัง สร้างบังเกอร์ ใส่เสื้อเกราะ ใช้อาวุธร้ายแรงซึ่งใช้เฉพาะในราชการสงคราม รวมทั้งใช้ยานพาหนะเป็นรถหุ้มเกราะ และรถสายพาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้โดยแท้ว่าจะนำไปใช้ในการสลายผู้ชุมนุม แต่มันเป็นลักษณะของการสงคราม ??

จนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ พันเอกสรรเสริญ หรือ ผบ.ทบ.เอง ก็ไม่อาจกล่าวต่อชาวโลกได้ว่า มีความจำเป็นขนาดไหน ที่จะต้องใช้อาวุธสงครามในการสลายการชุมนุม ?

ณ ขณะเวลานี้ สิ่งที่สามารถจะสรุปเป้าประสงค์ของ ศอฉ. ประกอบกับคำประกาศต่อสาธารณว่า "ผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นกบฏแผ่นดิน" พร้อมกับปิดกั้นสื่อสารทุกทาง และนำกำลังทหารเต็มอัตราศึกเพื่อเข้าสลายเป็นความชอบธรรมและสมควรแก่เหตุ

แต่...

จากการประมวลข้อมูล ก็สามารถอนุมานได้ว่า

สาเหตุที่ต้องใช้อาวุธสงคราม ในการเข้าล้อมปราบและสลายผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย ก็เพียงเพื่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตขึ้น ให้ตัวเลขกำลังพลที่ได้ตายโดยการโจมตีของกองกำลังนิรนาม สามารถจำหน่ายได้ว่าถูกกลุ่มคนเสื้อแดงสังหาร ถือว่าเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกจากจะผลักตนให้พ้นจากความผิดแล้ว ยังสามารถโยนความผิดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงให้กลายเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ

หากมิใช่เช่นนั้น....

เหตุใด ศอฉ.โดย พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงปิดบังข้อมูล ไม่กล่าวถึงกรณีทหารปะทะกับกองกำลังนิรนามที่ทางด่วนรามอินทรา และ ราบ 11 ถูกโจมตีด้วย M79 ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 จนมีการสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก จริงหรือไม่ ?

ดังนั้น ตราบใด ที่ทาง ศอฉ. และ รัฐบาล ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างในกรณีดังกล่าวข้างต้น การล้อมปราบ สลายมวลชนคนเสื้อแดง ด้วยกำลังทหาร และอาวุธสงคราม ก็เพียงเป็นการสร้างฉาก และเชือดแพะบูชายัญ ให้รับผิดแทน ....ไม่มีสิ่งอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

เสธ..แดง แสดงความคิดเห็นวัน เมษาทมิฬ

เสธ.แดง รหัส อาชา แสดงความคิดเห็นเมื่อ 13/04/2553 เวลา 17:18 น.

---------------------

ไอ้ป๊อก.มึงอย่าร้องแบบหมาเสียหน้าบูรพาพยัคฆ์ มึงใช้ ๓ กองพลเข้าตีประชาชนมือเปล่าแพ้ เสือกโทษผู้ก่อการร้ายช่วย ไม่มีกองทัพประจำการที่ไหนชนะทัพประชาชน!

ไอ้ป๊อก...มึงเอาแต่ตีกลอง ตอนเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ยอมฝึกไม่เข้าเวรยาม จบมาก็หลบอู้ตลอดไม่ยอมฝึกทหารเสือจนพี่ณรงค์เดชต้องไปลากมึงจากมุ้งตื่นสาย เป็นผู้หมวดผู้กองมึงก็หลบชายแดนตลอดเอาแต่เล่นดนตรี จึงไม่เคยปะทะ ผกค.แบบกูมีประสบการณ์ วันเวลาผ่านไปเมื่อมึงสอพลอนายที่มาจากสอพลอจนได้เป็นใหญ่ มึงจึงเลิกตีกลองมาตีกอล์ฟตีหม้อกับนายแทน แถมได้เมียน้อยอีแดงเจ้าแม่ช่อง ๕ พามึงโกงฉิบหายวายวอดซื้ออุปกรณ์ทหารจนเข้ารกเข้าพง

เมื่อวันวิกฤตมาถึง มึงรบกับประชาชนสีแดง มึงบ้าเอาคนไทยไปรบคนไทยด้วยกัน ทีเขมรมึงไม่กล้า...ปล่อยให้ฮุนเซนยึดดินแดนรอบเขาพระวิหารไปอีก ๒๙๐๐ ไร่ หน้าตายไม่สู้ เขมรแม่งง..ท้ารบทุกวันทำเป็นไม่ได้ยิน ประชาชนเขาไม่มีอาวุธสักชิ้น มึงเสือกเอารถสายพานลำเรียงพลเจ็กที ๘๕ ของ ม.พัน ๓ ออกไปตั้ง ๙ คัน จะวิ่งกวาดแบบเทียนอันเหมินที่ยิงประชาชนตายเป็นหมื่นเพราะรถชนิดเดียว ทำเป็นจะโชว์ซ้ำรอยจีน

ไอ้ส้นตีนป๊อก... มึงมันรบไม่เป็น ตำราพิชัยสงครามฉบับไหนไอ้เหี้ยเข้าตีตอนกลางคืนหัวค่ำ เขามีแต่เข้าตีก่อนมืดกับก่อนสว่าง ผลในการถอยถอนตัวคนมึงถึงถูกกองทัพแดงตามตีแย่งศพจับทหารแย่งคนเจ็บ มึงมันไม่รู้เวลาอยู่บนดอยหรือในสนามหลุมเพาะเราต้องเป่านกหวีแทบตายลากลูก น้องออกมาจากในเบริ์มเข้าประจำแนว ก่อนมืดและก่อนสว่างอย่างน้อย ๑ ชั่วโมง จึงเลิกประจำแนว เพื่อป้องกันข้าศึกเข้าเหรด มึงเอาแต่ตีกลองวงดนตรีสากล ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มึงไม่รู้ยุทธวิธีพื้นฐานจึงเอากองทัพแต๋วแตกของมึงรบแพ้กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่มาช่วยกองทัพแดงจากด้านหลังแค่ ๔-๕ คน เพราะมึงเสือกเอาสไนท์เปอร์กับเอ็ม ๑๖ ยิงชาวบ้านก่อน ไอ้ส้นตีน...

แผลชาวบ้านที่ตายมึงก็รู้มาจากพลซุ่มยิงหมด เพราะหัวระเบิด เข้าหัวเข้าอกคน ๑๖ คนม๊อบแดงทั้งหมด ถ้ากระสุนเอ็ม ๑๖ จะมุดรูนิดเดียวเลือดไม่ไหล ฝีมือพลซุ่มยิงจาก ฉก.๙๐ พันจู่โจม จากหน่วยต่อต้านก่อการร้ายสากล และจากชุดของทหารเอ มึงก็รับสารภาพประชาชนเอง แต่กูว่ามึงเอามาจากทหารเสือที่ชลบุรี...ชุดเดียวที่มึงเอาไปยิงไอ้สนธิลิ้ม ที่บางขุนพรหม...
มีต่อ...อย่าพึ่งเข้ามา


----------------

(นี่คือแสงไฟสะเก็ดระเบิดขว้างเอ็ม ๖๗ รัศมีตาย ๑๕ เมตร ลง ๒ ลูกติดกันตรงที่ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ ฝ่ายเสนาธิการ และอีก ๒ ผู้บังคับกองพัน ยืนบัญชาการปราบประชาชนเสื้อแดง เหมือนผีจับยัดด้วยเวรกรรมที่ทำร้ายคนไทยไม่มีอาวุธ ทีเขมรไม่สู้ แขกหรอกมาวางระเบิด ยืนชล่าใจข้างแนวหน้า เพราะติดใจเคยชนะม๊อบแดงที่อนุสาวรีย์ชัยเมื่อเมษายนปีที่แล้ว)

แนวรบที่ ๑ ...

มึงใช้กองพลทหารม้าที่ ๒ เข้าตี ผ่านถนนดินสอ ออกอนุสาวรีย์ประชาธปไตย ใช้รถที ๘๕ จำนวน ๙ คันตั้งใจขยายแนวเต็มถนนราชดำเนินแบบเทียนอันเหมิน กวาดผ่านฟ้า นั่นมันประเทศจีนยิงตายเป็นหมื่น ถูกจับ ๖ คัน หนีไปได้ ๓ คัน ทิ้งรถเล็กไว้ในที่รบอีก ๔ คัน ฮัมวี่ ๓ ยูนิม๊อก ๑
ไอ้ป๊อกมึงดูให้เต็มตา...แสงสะเก็ดระเบิดเอ็ม ๖๗ ลูกแรกที่ลงหลังรถเกราะแถว ๒ หน้าโรงเรียนสัตรีวิทยา โดนน้องมึงน้องกูด้วย ไอ้วลิต รุ่น ๑๕ ต้องตัดขา ไอ้ร่มเกล้า รุ่น ๒๕ ตาย ไอ้นพสิทธิ์ผู้พันทหารม้า เข้าขาเจ็บสาหัส ไอ้เกรียงศักดิ์ ผู้พันทหารราบหัวเปิด ไอ้เฉลิมพล รองผบ.ร้อย ที่คุมรถถเกราะเจ็บสาหัส

มึงใช้พลซุ่มยิงเก็บเสียง...ยิงคนไม่มีอาวุธเข้าหัวระเบิดทุกคน เข้าหน้าอกทะลุกหลัง ถ้าเอ็ม ๑๖ จะไม่มีเลือดออก เข้ารูนิดเดียวเพราะมันแค่ .๒๒๓ มม.

เมื่อกระสุนลูกยางมึงหมด แก๊สน้ำตามึงหมด เพราะเพื่อนกูใน ศอ.ฉ. โทรมาบอก ไอ้แดงแก๊สแม่งหมดแล้ว เสือกคนขึ้น ฮ.เป็นร้อยไป ปาใส่มึง มึงจึงเริ่มใช้เอ็ม ๑๖ ยิงคนมือเปล่า กองกำลังไม่ทราบฝ่ายจากด้านนอกจึงเริ่มทำสงครามกับกองทัพประจำการ จนพวกมึงแตกทัพเจ็บตาย ๒๐๐ กว่า
เวรกรรมตามมึงไปอีก ๒๐ ปี จนกว่าหมดอายุความ กูไม่ต้องดักกระทืบมึงแล้ว มึงได้โจทย์ไปอีกหลายล้านคนที่รอกระทืบมึงเกษียณอีก ๕ เดือน ไม่มีหมาตามมึงสักตัว

------------------

(ไอ้ป๊อก...มึงเก่งจริงๆ มึงทำถนนท่องเที่ยว เลี่ยวไปตรอกข้าวสารล้างได้ ทหารทำเป็นเส้นทางเข้าตีประชาชนมือเปล่าแทน กรรมประเทศไทยเอาตุ๊ดมาปกครองกองทัพ เห็นรถปิ๊กอัพจอดทิ้ง เป็นของมวลชนสีแดงเอามาจอดขวางทหาร เสียสละจริงๆ ทิ้งแม่ง...เลย ขอกูชนะค่อยเอากลับบ้าน)
ต่อ....

แต่ด้วยกำลังของมวลชนสีแดงรักประชาธิปไตยเขาสู้สุดฤทธิ์ เขาดันมึงถอยร่นเพราะมึงใช้กองทัพทหารราบเดินเท้า มึงสู้ประชาชนเป็นหมื่นไม่ได้หรอก มึงจึงเริ่มยิงประชาชนมือเปล่าด้วยเอ็ม ๑๖ จนประชาชนล่วงพล้อย...ถอยกลับไม่เป็นขบวน

กองกำลังไม่ทราบ หรือกองกำลังนิรนาม นักรบโรนิน หรือซามูไรไร้นายไร้สังกัด เขาจึงเริ่มโจมตีมึงด้วยเอ็ม ๖๗ และ เอ็ม ๗๙ อย่างเมามัน เพราะมึงทำประชาชนก่อน มึงใช้กำลังส่วนใหญ่ตรงนี้เป็นพันยิงคนบริสุทธิ์อย่างเมามัน มึงจึงเจ็บตายแตกทัพถึง ๒๐๐ กว่าคนอย่างเมามันเหมือนกัน มึงต้องตอบพ่อแม่ทหารให้ได้ทุกคน ทำไมพาลูกเขามาตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกัน

---------------------------------------

แนวรบที่ ๓

ไอ้ป๊อก...มึงใช้กองพลทหารราบที่ ๙ ที่ขึ้นกับกองทัพภาคที่ ๑ มาจากเมืองกาญฯยกกำลังมาครบทั้ง ๓ กรม คือ กรมทหารราบที่ ๙-๑๙-๒๙ ครบทุกกองพัน ข้ามสพานปิ่นเกล้ามาด้วยรถขนกำลังพลถึง ๒๑ คัน เหมือนมึงไปช่วย พล.ร.๒ รอ.รบกับเขมร
ไม่น่าเชื่อพอรถโผล่โค้งปิ่นเกล้า กองพลทหารราบที่ ๙ ที่เขาเกลียดมึงอย่างกับขี้ ต้องตกใจเพราะกองทัพแดงจอดรถคอยเป็น ๑๐๐ คนเป็นพัน ทหารเห็นถอดใจ เพราะมึงไม่เอาลูกหม้อพล ร.๙ เขาขึ้นเป็นใหญ่ตามไลน์ มึงเอาทหารเสือราชินี พวกบูรพาพยัคฆ์ของ พล.ร.๒ ข้ามไปแดกตำแหน่ง เสียระบบหมด
ปรากฎกองทัพประชาชนสีแดง วิ่งไล่กองทัพประจำการของป๋า พลขับตกใจหยุดรถวิ่งลงรถหนีหมด กำลังพลพลอยวิ่งหนีด้วย ทิ้งปืนไว้ถึง ๕๐๐ กระบอก วันนี้กูยังไม่รู้ว่าพวกนี้กลับบ้านอย่างไร ดูรูปซากรถที่ทหารพล ๙ ทิ้งบนสะพานปิ่นเกล้า
ทหารราบ พล.ร.๙ ส่วนนี้เตรียมมาสมทบกับทหารราบ พล.ร. ๒ และ พล.ม.๒ ตามวัน ว. เวลา น. แต่ พล.๙ ไม่รู้ว่า ทั้ง ๒ แนวรบด้านหน้าแตกโดยนักรบโรนินก่อน
แนวนี้เลยแตกโดยกองทัพประชาชนมือเปล่าจริงๆ ทหารไม่ถือปืนมาเตรียมตัวไม่ทัน เพราะทหารเขาทำเป็นเคลื่อนย้ายไม่ถืออาวุธ แต่เอาอาวุธไว้ในรถกะบะ เมื่อวิ่งหนีตัวเปล่าทิ้งอาวุธแถมให้กองทัพแดง ๕๐๐ กระบอก สบายตูดไป เหตุการณ์สงบค่อยคืนหลวง
ดูรูปกันสบายๆ

คลิป มาใหม่ เมษา ทมิฬ 53

แหล่งที่มา....
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9129928/P9129928.html
จากคุณ : Sky

ที่มาของคลิปครับ....

http://www.dailymotion.com/video/xcwlmr_20100410-3_news

ส่วนอันนี้ผมเอาขึ้นเอง กลัวโดนบล๊อก นะครับ เหนียว ๆๆ ไว้ก่อนครับ

คลิปทหารยิง ปชช มาใหม่ ครับ คลิปนี้มีหลายช๊อต



บริเวณ เกิดเหตุ... จุดนี้ ไม่มีทหารปะทะกับเสื้อแดง นะ ครับ...







-------------------------------------------


เอาตามข่าวลือตามเจ้ากรมข่าวลือไปก็แล้วกัน

การ ปฏิบัติการครั้งนี้ มีการกำหนดให้เข้าตีพร้อมกัน 3 จุด

1.สีแยกคอก วัว
2.แนวถนนรอบอนุสาวรีย์เชื่อมระหว่างสี่แยกคอกวัวและโรงเรียนสตรี วิทยา
3.เข้ามาทางสะพานปิ่นเกล้า

ตามแผนกำหนดให้ใช้โรงเรียนสตรี วิทยาเป็นกอง บก.ส่วนหน้า สั่งการรบ พล.ต.วลิตและ พ.อ.เกรียงศักดิ์ อยู่ที่นี่ บนถนนรายรอบไปด้วยกองกำลังที่เตรียมจะส่งเข้าปฏิบัติการตามภารกิจ Clean and Clear เหมือนเมื่อวันที่ 12-13 เมษายน 2552 ส่วน พ.อ.ร่มเกล้า อยู่ที่จุดปะทะ ณ สี่แยกคอกวัว
ที่จุดนี้ ไม่เปิดเป็นแนวปะทะ แต่ให้ใช้ดาดฟ้าอาคารเรียนเป็นจุดซุ่มยิง

มาถึงข่าวลือกันบ้างนะ
ใน ช่วงที่มีล้อมฆ่า ผมได้รับแจ้งทางดทรศัพท์มาว่า "ได้ยินเสียงระเบิดตูมใหญ่หลายครั้ง" สายที่โทรมาหาผมยังบอกว่า "มีระเบิดพลีชีพแล้ว"...ซึ่งผมยังงงอยู่นะ..อันนี้เล่าให้ฟังเฉย ๆ

เอา เข้าเรื่องดีกว่า...ที่กอง บก.ส่วนหน้า มีเสียงเลือกันมาว่า "มีรถยนต์ HONDA CRV สีเงิน วิงข้ามสะพานวันชาติผ่านด่านทหารแ สห.ที่วางกำลังด้านหลังจำนวนมาก เข้ามาจอดบริเวณข้างรั้วโรงเรียนสตรีวิทยา มีคนออกมาจากรถยนต์คันนี้ 4 คนและนั่งในรถอีก 2 คน แต่งกายชุดดำมีเสื้อแจ๊กเก็ตปักข้างหลังว่า "ไล่ล่า" ลงมาปฏิบัติการที่ไม่มีใครคาดคิดคือกราดยิงทหารบริเวณนั้นจนล้มลงพร้อมทั้ง ลั่นกระสุนระเบิด M-67 เข้ากลางวงประชุมของเหล่าแม่ทัพ เสนาธิการที่กำลังวางแผนกันอยู่ ผลของการระเบิดครั้งนี้ ทำให้ พล.ต วลิต ขาหักและ พ.อ.เกรียงศักดิ์ โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่หัว จนต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้งในขณะนี้ ...จากนั้น รถ CRV คันดังกล่าว ก็ขับออกไปท่ามกลางความสับสน งุนงง ของทหารต่าง ๆ บริเวณนั้น

ที่เล่ามา บอกแล้วนะครับว่า เป็น "ข่าวลือ" ที่อาจจะเกิดขึ้นตามข่าวลือหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ผลที่เกิดขึ้นจริง ๆ คือ แม่ทัพ+นายกอง พร้อมพลทหาร บาดเจ็ม ล้มตาย ที่นี่เป็นจำนวนมาก คาดว่า ตัวเลขทหารที่บาดเจ็บกว่า 200 นาย เกิดขึ้นที่จุดนี้เป็นจำนวนมาก บางรายอาการสาหัส จากการกราดกระสุนยิงจากชายชุดดำ 4 คน ได้เสียชีวิตลง จนมี "ข่าวลือ" (ลืออีกแระ) มาว่า ยอดจำนวนทหารที่เสียชีวิตสูงถึง 58 นาย

อย่างไรก็ ตาม ความสูญเสียในบริเวณนี้ กองทัพและรัฐบาลไม่สามารถนำมากล่าวหาคนเสื้อแดงได้แม้แต่น้อยเพราะในถนนหน้า โรงเรียนสตรีวิยา ไม่มีการปะทะ ไม่มีคนเสื้อแดงเข้าไปในถนนแห่งนี้ แต่กลับเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนกองทัพและรัฐบาลตัดสินใจประกาศหยุดยิง

บอกก่อนนะครับ โดยเฉพาะ "น้องสกาย"...
นี่คือ "ข่าวลือ"

จากคุณ : นักเลงโบราณ

คลิปทหารรุ่มทุบตีประชาชน... จะ จะ ชัด ๆๆ

ทั้งกระทืบ - ทั้งทุบตี จะ จะ เห็น เห็น

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

เมื่อผู้กำกับ "รักแห่งสยาม" แสดงความรู้สึกเรื่อง สีแดง - สีเหลือง

แหล่งที่มา....
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271232137&grpid=01&catid=

เมื่อผู้กำกับ "รักแห่งสยาม" เขียนจดหมายตอบน้องเรื่องผลกระทบจากเหตุการณ์ 10 เมษายน

...เพราะภราดรภาพในใจของคนถูกปลุกขึ้นมา แล้ว อุดมคติแห่งความเท่าเทียมเริ่มคุกครุ่นในใจของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกปลุกเร้าด้วยความชิงชังของชนชั้นกลางที่ถูกดึงไปเปนเครื่องมือของชน ชั้นสูงอย่างเต็มตัว...

หมายเหตุ "ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" หรือ "มะเดี่ยว" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" รวมทั้งหนังสะท้อนปัญหาสังคมไทยในยุคปลายรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร หลาย ๆ เรื่อง เช่น "คน ผี ปีศาจ" และ "13 เกมสยอง" ได้เขียนจดหมายตอบกลับไปยังเพื่อนรุ่นน้องที่เข้ามาระบายอารมณ์ความรู้สึก ผิดหวังเสียใจกับปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่มีต่อเหตุการณ์นองเลือดในวันที่ 10 เมษายน โดยเขาได้นำเนื้อหาในจดหมายดังกล่าวไปโพสต์ไว้ในเว็บล็อกส่วนตัว http://mdsponx.spaces.live.com มติชนออนไลน์เห็นว่าจดหมายของชูเกียรติมีเนื้อหาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

-----------------------------------------------------------------------------

10 เมษายน 2553
posted on 12 Apr 2010 19:31 by nanoguy in Nanolife

จริงๆตอนนี้ผมยอมรับว่าอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง ผมเคยสนุกสนานกับการนั่งด่าหนังห่วยๆ ชมหนังดีๆ เป็นพารากราฟยาวๆ เพื่อมาประกอบรางวัลกำมะลองี่เง่าๆอย่าง Nanoguy Awards อยู่ทุกปี และตอนนี้ผมเองก็มีภาระต้นฉบับที่ต้องส่งบรรณาธิการ แต่นอกจากกองข้อมูลที่หามากองไว้แล้ว หนังผมก็ยังไม่ได้ดู และการเขียนก็ยังไม่คืบหน้า เพราะว่าตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรจริงๆ และอาจจะต้องทิ้งรางวัลที่ผมนั่งทำมาทุกปีให้เหลือทิ้งไว้แค่นอมินี

ผมไม่ใช่คนจิตใจงดงาม อ่อนไหว เปี่ยมไปด้วยธรรมะ อะไรขนาดนั้นหรอกครับ ผมมันก็คนนิสัยธรรมดาคนนึง ที่ชอบการดูหนังเลือดสาด ฆ่าคน สมองไหล จนที่บ้านหาว่าเป็นโรคจิต แต่ตอนนี้ - อาจจะพูดเวอร์เกินไป - ผมกำลังอยู่ในขั้นเสื่อมศรัทธาในเพื่อนมนุษย์ขั้นร้ายแรง

คุณเต้-ไกรวุฒิ จุลพงศธร ตั้งสเตตัสไว้ในเฟซบุึคของเขา เรื่องของ simulacrum ที่เป็นคอนเซ็ปต์ของ Jean Baudrillard ว่าด้วยความจริงที่ยิ่งกว่าความจริง (hyperreality) และการสนทนาในวันนั้นคงให้ภาพชัดที่สุด เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ และบางทีถ้าไม่มีเฟซบุคเราก็คงไม่รู้ว่าคนรอบตัวของเราหลายคนโหดร้ายและมืด บอดแค่ไหน

ปีที่แล้ว ตอนสงกรานต์เลือด ก็มีการปราบปราม มีความรุนแรง และมีความเห็นที่สาปแช่งให้ฝ่ายตรงข้ามตายห่ากันไปให้หมด เราก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดว่าหวังว่าพี่น้องมิตรสหายรอบตัวเราจะไม่เป็นคนจิต ใจหยาบช้าเช่นนั้น หยาบช้าพอที่จะสนุกสนานเมื่อเห็นผู้ที่ยืนอยู่คนละฝั่งถูกยิงสมองไหล เลือดสาด วิญญาณดับสูญ และนั่งหัวร่อร่าบอกว่าพวกเขาเป็นควาย

แต่วันนี้เฟซบุคทำให้ผมเห็น และผมเศร้ามาก ว่าคนรอบตัวผมคิดกันได้ถึงเพียงนี้

บางคนเรียนคณะรัฐศาสตร์แท้ๆ กลับคิดได้เพียงว่า ผู้ชุมนุมเสื้อแดงมีความรู้เรื่องประชาธิปไตยมากแค่ไหน ถึงจะออกมาชุมนุมเรียกร้อง ผมเองก็อยากถามเขาเหมือนกันว่า ร่ำเรียนมาจนป่านนี้แล้ว พวกเขารู้เรื่องประชาธิปไตยจริงหรือ ถึงได้เอาสถานะของตัวเองเข้าข่มได้ขนาดนี น่าอับอายยิ่งกว่ารุ่นน้องผมคนหนึ่ง ตอนแรกผมไม่ชอบแนวคิดเขาเลย เพราะเขาสนับสนุนและชื่นชอบนายกษิต ภิรมย์ และพยายามโยนบาปให้เสื้อแดงตลอดเวลา แต่อย่างน้อยผมก็ชื่นชมเขา ที่เขายอมรับตรงๆว่าเขาไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย
บางคนก็ฉลาดเฉลี่ยวกว่า ใช้การเสียดสีที่เจ็บแสบกว่า ไม่มีการหลุดมาว่าอยากให้ใครตาย แต่จิตสันดานด้านหยาบมันแฝงชัดอยู่ในคำพูดเหล่านั้น

ช่วงเริ่มต้นสลายการชุมนุม (ภายใต้คำที่น่ารังเกียจทุเรศอุบาทว์อย่าง "การขอพื้นที่คืน") มีความเห็นมากมายที่สนับสนุนให้ทหารฆ่าประชาชน ผมไม่พูดก็ได้ว่าประชาชนที่ไม่มีอาวุธ เพราะเสื้อแดงเองก็ต้องมีสัญชาตญาณในการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะเมื่อทหารมีอาวุธสงครามครบมือ อุ่นเครื่องกันมาตั้งแต่คราวที่ปะทะกันที่สถานีดาวเทียมไทยคม ที่มีการยิงกันจริงๆ และที่ผ่านฟ้า สี่แยกคอกวัว ถนนดินสอ มีกระทั่งรถถังกับรถฮัมวี่ที่บรรทุกอาวุธสงครามมาเต็มอัตรา

สิ่งพวกนี้เทียบไม่ได้นะครับ กับการปล่อยบอลลูนไปก่อกวนเฮลิคอปเตอร์(ที่ใช้ในการปล่อยแก๊สน้ำตา) การใช้ด้ามธงทิ่มๆไปที่ทหาร การขว้างปาขวดน้ำ ก้อนหิน ก้อนอิฐ หรือแม้แต่การเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ทหาร ผมเถียงเผื่อให้อีกก็ได้ว่า แม้ผู้ชุมนุมจะมีอาวุธในลักษณะประสงค์เอาชีวิตเหมือนทหาร (เช่น ปืนอาก้า เป็นอาทิ) แต่ในขณะชุมนุมนั้น มีหลักฐานการใช้อาวุธเหล่านี้เข้าไประรานคนอื่นหรือไม่ และหากต้องมีการใช้อาวุธเหล่านี้เพื่อป้องกันตัว ก็เป็นสิทธิของผู้ชุมนุมเหมือนกัน ไม่ต่างกับที่รัฐบาลอ้างว่าทหารมีกระสุนจริงไว้เพื่อป้องกันในเหตุจวนตัว (หลังจากที่ครั้งแรกกล่าวว่ากระสุนจริงมีไว้ยิงขึ้นฟ้าเท่านั้น)

ผมช็อค เมื่อหลายคนกำลังตั้งข้อสมมติฐานว่า เสื้อแดงเริ่มต้นความรุนแรงก่อนด้วยอาวุธหนัก ดังนั้นทหารจึงมีสิทธิปราบปรามด้วยอาวุธหนักเช่นกัน ผมถามว่าถ้าทหารไม่มาที่นี่ จะเอื้อให้เกิดเหตุเช่นนี้หรือไม่?

ผมขี้เกียจย้ำซ้ำไปมาจริงๆเลย(เพราะพูดไปหลายครั้งมากในเฟซบุค) ว่าการชุมนุมของเสื้อแดงนั้นไม่ได้ิผิดกฎหมายอะไร มันมีคนเดือดร้อน ผมไม่เถียง หลายคนที่ผมรู้จักก็เดือดร้อนอย่างยิ่งเพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็เป็นสิทธิของพวกเขาที่จะไม่ชอบม็อบ ผมก็ไม่ได้บังคับให้พวกเขามาชอบ แต่ผมรับไม่ได้กับคนที่พยายามจะเดินตามตูดรัฐบาล ด้วยการบอกว่าเสื้อแดงผิดกฎหมายอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมีแต่กฎหมายเล็กจ้อย เช่น กฎหมายจราจร

แล้วมันเ้รื่องอะไรที่รัฐบาลจะใช้ พรบ.ความมั่นคง กับ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง

กลับมาที่เรื่องที่ขัดข้องของผมต่อ พี่ที่ผมรู้จักคนหนึ่งก็อยู่ในกลุ่มคนที่ผมช็อค เขาเข้ามาสนับสนุนว่า "ตายๆกันไปให้หมดดีแล้ว" ในช่วงเริ่มต้นสลายการชุมนุม และวันถัดมา เมื่อผมตั้งสเตตัสที่พูดเรื่องการป้องกันตัวของคนเสื้อแดง เขาก็เข้ามาแย้งว่า "ทหารก็คนนะตี้" ผมขี้เกียจเถียงเขาว่า "แล้วเสื้อแดงไม่ใช่คนหรือไง" ไม่อยากให้ความขัดแย้งหรือความที่เรารู้จักกันมานานต้องมาพังเพราะเรื่องการ เมือง มันทุเรศ

วันนั้น(ช่วงคาบเกี่ยว 10-11 เมษายน) ผม block คนไป 4 คน เพราะผมรู้สึกอิดหนาและขยะแขยงอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของพวกเขา ผมอยากเชื่อว่ามันเป็นแค่ความไร้สติชั่ววูบ อยากเชื่ออย่างนั้นมากๆ เพราะ 3 คนในนั้นเป็นเพื่อนของผมสมัยมัธยมปลาย คนหนึ่งสนิทกันมากถึงขั้นเคยคุยกันได้ทุกเรื่อง ณ เวลานั้น อีกสองคนก็เป็นเพื่อนผู้หญิง ที่คนหนึ่งดูน่ารักสดใสอ่อนโยน และอีกคนหนึ่งแม้จะปากร้ายไปหน่อยแต่ก็เป็นเพื่อนเฮฮาที่ไม่มีอะไรต้องเถียง กัน

เอานอกจากสามคนนั้นก่อน รุ่นน้องร่วมคณะผมคนหนึ่ง ซึ่งผมเองจำได้แต่ชื่อภาษาอังกฤษที่เธอเอามาตั้งเป็นชื่อของเธอในเฟซบุค แรกๆผมก็เฉยๆ เมื่อเธอยังคงอัพสเตตัสเรื่อยเปื่อยเรื่องรถยนต์สีเหลืองของเธอ การแสดงออกทางการเมืองอย่างสูงสุดในชีัวิต ด้วยการบีบแตรใส่หูคนเสื้อแดงตามที่ต่างๆที่เธอขับรถไปพบเจอ จนกระทั่งช่วงที่เธอเริ่มสาปแช่งคนเสื้อแดง เฆี่ยนตีพวกเขาด้วยเก้าอี้ที่ชื่อวาทกรรม "ทักษิณซื้อ" ผมก็ hide เธอไประยะหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ต้องมาขุ่นข้องหมองใจกันทีหลัง

กระทั่งวันหนึ่ง ผมเข้าไปคอมเมนต์สเตตัสของเพื่อนร่วมคณะ ซึ่งนั่งเรียนกันมาตลอด คนหนึ่ง ผมรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบเสื้อแดงและทักษิณอย่างยิ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปจุ้นจ้านอะไรเขา เขาตั้งสเตตัสในทำนองว่าตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับคนเสื้อแดง เพราะพวกมันคิดจะเผาบ้านเผาเมือง ผมก็เข้าไปแสดงความเห็นสั้นๆทิ้งไว้ ก่อนเขาจะรีบมาออกตัวว่าเราคุยกับตี้ได้นะ (แสดงว่าผมเป็นเสื้อแดงไปแล้วสินะ) ก่อนที่ยัยน้องคนนั้นก็มาท้าทายให้ผม block เธอในสเตตัสนั้น แน่นอน ผมทำให้ และยินดีครับ อีห่า!

ก่อนจะ block ผมได้ลองแวบไปดูสเตตัสของเธอ เพราะเพื่อนผมหลายคนที่เกลียดเสื้อแดง อย่างน้อยพวกเขายังไม่มองการตายของคนเป็นเรื่องสนุกสนานหรือควรค่าที่จะเกิด ขึ้น แต่สเตตัสของยัยรุ่นน้องคนนี้เขียนไว้ว่า "ขอไว้อาลัยให้กับคนไทย ที่เห็นคุณค่าของเงินมากกว่ารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" พร้อมกับเพื่อนๆของเธอที่นำเอารูปคนตายที่ถูกยิงสมองไหล มาล้อเล่นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ศพมนุษย์ ในคอมเมนต์ของสเตตัสอันนั้น

ผมได้แต่รู้สึกยินดีที่จะกด remove friends ออกไป พร้อมกับยินดีอย่างยิ่งที่ตัวเป็นๆของเราไม่ได้พบปะพูดคุยกันเป็นกิจจะ ลักษณะก่อนหน้านี้ เสียดายแค่ผมลืมที่จะแคปภาพหน้าจอคำพูดอันหยาบทรามของเธอไว้ เผื่อเป็นหลักฐานให้เธอได้ระลึกว่า เธอเคยมีความคิดแบบใดต่อคนเหมือนกัน

เพื่อนผมอีกสามคนที่พูดถึงนี้ เป็นกรณีที่ผมเศร้ายิ่งกว่า เราเคยอยู่ห้องเดียวกัน คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ และแน่นอน นั่งด่าทักษิณด้วยกันอย่างมันปาก หนึ่งในนั้น(ซึ่งผมไม่ได้ hide เธอไว้ตั้งแต่แรก เหมือนกับอีก 2 คน) เธอตั้งสเตตัสขึ้นโพล่งมาว่า "รับไม่ได้ ถ้าต้องยุบสภาเพราะพวกไพร่แดง"

กรณีนี้ผมยังไม่ช็อคเท่ากับความเห็นของเพื่อนผมที่มาคอมเมนต์ในสเตตัสอันนี้ (ซึ่งเป็นคนที่ผมสนิทที่สุดใน 3 คนดังกล่าว) เขาพิมพ์ว่า "ช่ายๆ ถ้าเกิดยุบไป พวกไพร่แดงก็ได้ใจกันพอดี" แน่นอนว่าผมปรี๊ดแตก ผมพิมพ์ตอบกลับไปทันทีในทำนองว่า มีคนตายถึง 15 คนแล้ว(ปัจจุบัน 20-21 ผมไม่แน่ใจตัวเลข) ใครเขาจะเอาเวลามา "ได้ใจ" วะ?

ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะทุ่มเถียงใส่กัน ผมยังจะรับได้มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนคนที่ 3 เข้ามาคอมเมนต์ คุยข้ามหัวผมไปที่เจ้าของสเตตัส เอ่ยว่า "ทีนี้เข้าใจอารมณ์กูหรือยัง กูจะดีลีตแม่งแระ" ส่วนอีกสองคนก็เข้ามาสนับสนุนกันว่า "เออ เข้าใจ จริงด้วยว่ะแม่ง"

มันมีหลายอารมณ์นะครับตอนนั้น ที่ทำให้ผมตัดสินใจ remove สามคนนี้ทิ้งไปอย่างไม่ลังเล อย่างน้อยก็ในเฟซบุคและชีวิตจริงในช่วงเวลาอันใกล้นี้

สายตาพวกเขาที่มองผม มันไม่ได้มองว่าผมเป็นเพื่อนพวกเขาอีกต่อไป มันมองว่าผมเป็นแค่เศษไพร่ เป็นแค่ควายที่หลงโง่งมไปกับการชุมนุมของเสื้อแดง ที่เข้าไปป้วนเปี้ยนหรือบังเอิญติดอยู่ในลิสต์เพื่อนอันสูงส่งของพวกเขา ที่มีแต่ปัญญาชนผู้อยากเล่นสงกรานต์ อยากเดินพารากอน ความเห็นของผมเป็นแค่ความพยายามยุแยง ปั่นป่วน ความคิดอันสวยหรูของพวกเขา - ผมทั้งเศร้าและโกรธ เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายที่เลือกจะมองว่าผมเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ หรืออย่างน้อยก็มองว่าผมไม่ใช่เพื่อนของพวกเขาอีกต่อไป ก่อนที่ผมจะทันคิดอย่างนั้นเสียอีก

(นี่ยังไม่รวมกับ fact ที่ว่า ผมเคยเข้าไปแสดงความเห็นทางการเมืองที่เอนมาทางเสื้อแดงแย้งกับ 1 ใน 3 คนนั้น เพียงแค่ 2 ครั้ง ตั้งแต่เล่นเฟซบุคมา แต่เธอกลับใช้น้ำเสียงหยามเหยีัยด เหมือนกับว่าผมไปทำให้หน้าเฟซบุคของเธอรกรุงรังด้วยข้อความชั้นต่ำอยู่ทุก วี่ทุกวัน แล้วก็ทำท่าทำทางเหมือนกับปราณีผมเสียเหลือเกิน ที่ยังอุตส่าห์เก็บไว้อยู่ในลิสต์ โธ่ เหี้ยเอ๊ย!)

ผมเคยคิดว่า ผมจะไ่ม่พยายามทำอย่างนี้กับใคร ผมยังคุยกับคนที่เห็นต่างได้ แต่ถ้ามืดบอดกันถึงขั้นนี้ ผมก็ได้แต่ทำอย่างที่ผมทำไป เพราะเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีแม้แต่การคิดจะเปิดประเด็นเถียงกัน คุยกัน ซึ่งถ้าเพื่อนกันไม่มีท่าทีแบบนั้น ผมก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำซากทำเผือกอะไร บางทีถ้าไปกินเหล้ากันอาจจะคุยกันได้มากกว่านี้ แต่สถานการณ์ที่เป็น ผมมองว่าเขาเหล่านั้นถ้ารู้ว่าผมจะไปก็คงแยกตัวออกไปแต่แรกมากกว่า

------------------------------------------------------------
13 เมษายน


โยนิโสมนสิการ


จากที่ได้ป่าวประกาศไปในเฟศบุคว่าจะทำรายการตอบคำถาม ก็มีผู้คนส่งคำถามมามากมาย มีไม่น้อยที่เปนคำถามเกี่ยวกับสังคมและการเมือง จะอ่านตอบลงไปในยูทูปก็เกรงใจเพราะว่าในการดำเนินรายการหมายมุ่งว่าทำเพื่อ ความบันเทิงเริงใจ การค้นหาความจริงทางสังคมและการเมืองตอนนี้มีผู้คนออกมาแสดงความเห็นกันมาก มายอยู่แล้วจึงปล่อยให้เปนหน้าที่ของท่านเหล่านั้นไป


หากแต่ก็ยังมีความกลัดใจอยู่ไม่น้อยในประเด็นความขัดแย้งแล ความเศร้าที่ต้องมีผู้คนเสียชีวิตบาดเจ็บไปในเหตุการณ์ จึงหยิบจดหมายของน้องคนหนึ่งที่เขียนมาในใจความถามว่า เขาควรทำอย่างไรดีเมื่อเริ่มขัดแย้งกับเพื่อนในเฟศบุคเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่เปนเพื่อนสนิทที่นิสัยดี พอความขัดแย้งเกิดขึ้นเขาและเธอว์เหล่านั้นต่างแสดงตัวตนที่โหดเหี้ยมอำมหิต ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ จดหมายส่งมาถึงข้าพเจ้าหลายวันหากแต่ยังไม่ได้ตอบ แล้วไม่นาน น้องคนนั้นก็นำไปเขียนลงบลอกด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ แฝงความทุกข์ใจที่เสียเพื่อนอยู่ในที เจือระคนด้วยความโกรธเคืองอยู่บ้าง ข้าพเจ้าเชื่อว่าความโกรธนั้นไม่ได้มุ่งหมายไปที่ตัวบุคคล แต่ยังแผ่ลามไปถึงสังคม แลทุกสิ่งที่ปลูกความคิดอัปยศเหล่านั้นให้เพื่อนของเขา จึงขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านในบลอกนี้ ก่อนที่จะอ่านจดหมายตอบกลับของข้าพเจ้าต่อไป


http://nanoguy.exteen.com/20100412/entry


จดหมายถึงน้อง


ตี้น้องรัก


จากคำถามสั้น ๆ วันก่อนที่เธอว์ได้ถามพี่มา บัดนี้ได้แจกแจงรายละเอียดจนเห็นภาพชัดแจ้ง โดยที่ไม่ต้องจินตนาการใด ๆ เพราะรอบข้างตัวพี่ ตัวเรา ตัวเขา ตัวเธอว์ เหล่านั้นเราต่างประสบปัญหานี้กันทั้งสิ้น แม้แต่ตัวพี่เองที่ วันนี้คงพูดไม่ได้แล้วว่าเปนกลางทางการเมือง


การออกตัวว่าเห็นด้วยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเปนเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่าง มากในสังคมกรุงเทพสาธารณะ (ในที่นี้หมายถึงในโลกไซเบอร์นี้ด้วย) เพราะเราจะถูกชี้หน้าด่าทันทีว่าเปนลิ่วล้อของทักษิณ เปนคนโง่ที่ถูกล้างสมอง ไร้การศึกษา ชีวิตมีค่าเพียงธุลีดิน และถูกเกลียดชังไปในทันที แต่พี่ว่าการออกตัวอย่างชัดเจนยังดีกว่า การออกตัวว่าเปนกลางแล้วซ่อนความยินดีอำมหิตอยู่ภายในอย่างคนที่ตี้ได้เจอ คนพวกนี้เขาไม่ถามเราหรอกว่าทำไมเราถึงเห็นด้วยกับเสื้อแดง เหมือนที่เขาตอบเราไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเกลียดทักษิณ แล้วส่วนใหญ่ก็จะอธิบายไม่ได้ด้วยว่าทักษิณทำผิดอะไร มักจะเชื่อเพราะเขาบอกมา เชื่อเพราะเขาพูดกัน เชื่อเพราะสื่อชี้ให้เห็นเปนแบบนี้ และที่น่าเศร้า เชื่อ เพราะกลัวจะถูกหาว่าไม่ฉลาดทันคน


พี่ทำหนังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลทักษิณมาตั้งแต่ก่อนเรียนจบ มหาวิทยาลัยจนถึงเรื่องสิบสามเกมสยอง ก่อนที่รัฐบาลของเขาจะถูกรัฐประหารในคืนที่ถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลงประกอบ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ส่วนใหญ่ที่พูดถึงในเนื้องานคือเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสงครามยาบ้า อันเปนนโยบายของรัฐบาล เรื่องการแทรกแซงสื่อและนโยบายประชานิยม พี่ ไม่ค่อยกล้าแตะเรื่องการเลี่ยงภาษีหรือการทุจริตต่าง ๆ ที่เขายกมาเปนประเด็นในช่วงท้าย ๆ ของการดำรงตำแหน่งนั่นเปนเพราะว่าพี่ไม่เข้าใจระบบภาษี ไม่เข้าใจวิธีการฟอกเงิน การวิพากษ์วิจารณ์สิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะวันหนึ่งสิ่งต่าง ๆ อาจจะย้อนมาหาตัวเราเอง อนึ่ง หากจะพูดเรื่องภาษี พี่ก็ยังเห็นคนรอบข้างตั้งหลายคนพยายามหลบเลี่ยงภาษีด้วยวิธีต่าง ๆ นานาเช่นกันและที่ไม่น่าพูดถึงเลยก็มีคนในประเทศนี้ตั้งหลายคนที่ไม่ต้อง เสียภาษีและก็ใช้ทรัพยากรเดียวกันบนผืนแผ่นดินไทย รวมถึงพี่ด้วย ที่บางอารมณ์เมื่อนึกถึงความทุจริตที่เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในหน่วยงานของรัฐ พี่ก็ไม่อยากจะเสียภาษีเหมือนกัน แต่ก็เลี่ยงไมได้เพราะหัก ณ ที่จ่ายเงินทุกครั้งเมื่อพี่ได้รับค่าจ้าง


เราคงไม่ต้องอธิบายแรงผลักดันในการออกมาต่อสู้ของชนชั้นราก หญ้าให้เสียเวลาเพราะมีคนได้อธิบายไปแทบจนหมดสิ้นแล้วแต่คนส่วนใหญ่ในเมือง ก็ยังเลือกที่จะไม่เข้าใจ อาจจะเปนเพราะชาวนาในความคิดเขาก็ยังเอาควายไถนาเกี่ยวข้าว สวมงอบกันเหมือนในโปสการ์ดของการท่องเที่ยวฯ ความยากจนและการถูกกดขี่มันเปนอย่างไรคงยากจะจินตนาการถึงในสังคมของผู้ที่ ร้องเรียนทุกอย่างได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เรื่องของแถมจากการชิงโชค สินค้าไปจนถึงโดยแย่งอาหารในชาบูชิ บุฟเฟต์ ไม่ว่าจะให้ข้อมูลอย่างไร การชุมนุมของคนเสื้อแดงเปนการทำลายธุรกิจ การใช้จ่ายอันศรีวิไลซ์และความสำราญสะดวกสบายของเขาเหล่านั้น มากกว่าจะเปนการเรียกร้องความเปนธรรมทางการเมืองที่เขาถูกลิดรอนมาหลาย ทศวรรษแล้ว


มีคำถามของน้องคนหนึ่งชื่อ "ปาริณ" ถามได้น่าสนใจว่า "ใครคือชนชั้นกลาง" เปนคำถามที่ดีมากสำหรับเด็กมัธยมผู้ใฝ่รู้ จริงแล้วแต่ละสาขาก็มีอรรถาธิบายต่อคำว่าชนชั้นกลางของตัวเอง ทางรัฐศาสตร์ก็แบบนึง เศรษฐศาสตร์ก็แบบนึง สังคมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ก็อีกแบบนึงแล้วแต่จะพูดไป แต่สรุปรวมคำอธิบายในแบบของพี่ ชนชั้นกลางคือผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเมือง ทำงานอยู่ในระบบธุรกิจ จุดมุ่งหมายของชนชั้นกลางคือการถีบตัวไปสู่ชีวิตที่สูงขึ้นในระดับชนชั้นสูง คนพวกนี้มีความอ่อนไหวเปราะบางทางความรู้สึกเพราะชีวิตของพวกเขาไม่มีความ มั่นคง เกือบทั้งหมดมีหนี้สิ้น ไม่ว่าจะเปนบ้านหรือรถ หรือธุรกิจ ดังนั้นไม่แปลกที่พวกเขาจะมีความกังวลในใจตลอดเวลาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการ เมืองและต้องการหาแหล่งอำนาจไว้พึ่งพิง ชนชั้นกลางอ่อนไหวกับข่าว เชื่อสื่อง่ายโดยเฉพาะสื่อทางเลือกอย่างเช่น อินเตอร์เน็ต และเคเบิลทีวีพวกเขาพร้อมใจจะเชื่อฟอร์เวิร์ดเมล์ ข่าวซุบซิบ หรืออะไรก็ตามที่ขึ้นต้นว่า "ข่าววงใน" สิ่งที่พวกเขากลัวคือการตามไม่ทันกระแส โดยเฉพาะยุคแห่งข้อมูลข่าวสารนี้ใครรู้ก่อน ปล่อยข่าวได้ก่อน ย่อมได้รับการยกย่องราวกับเปนกูรู ข้อพิสูจน์นี้เห็นได้จากรายการแฉที่ได้รับความนิยมมากมาย พิธีกรหรือนักเขียนที่มีชื่อเสียงในการแฉไม่ว่าจะเปน มดดำ ซ้อเจ็ด หรือช่องเคเบิลใด ๆ ที่เปิดแล้วมีแต่กระเทยมาเม้าธ์กัน ตอนนี้มีมากมายและได้รับการยกย่องเสียด้วย ในขณะที่เราถูกสอนว่าการนินทาผู้อื่นนั้นไม่ดี โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จัก แต่ทำไมถึง...


ช่างมัน เรามานินทาชนชั้นกลางกันต่อ ด้วยรู้จุดอ่อนข้างต้น ชนชั้นปกครองจึงหลอกเอาขนมผสมน้ำยาได้โดยง่าย ด้วยสื่อที่เปนของทหารและรัฐเกือบทั้งหมดเขาจะทำให้เราเชื่ออะไร รักอะไร เกลียดอะไรได้โดยง่าย เรียนนิเทศมาสื่อแบบนี้เขาบอกว่าเปนสื่อของรัฐบาลเผด็จการทหาร ไม่ใช่สื่อของเสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างที่เราเชื่อกัน เพราะถ้าเปนเช่นนั้นจริง ฟรีทีวีเราคงมีมากกว่าสิบช่องให้มีการแข่งขันเสรีมากกว่าจะต้องทนดูอะไรห่วย ๆ โง่ ๆ ไร้รสนิยม ที่รัฐและนายทุนสื่อที่มีอยู่ไม่กี่เจ้ายัดเยียดให้เราดูแล้วบอกว่า "ชาวบ้านเขาต้องการแบบนี้" ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยากดูแบบนี้หรือไม่มีปัญญาทำแบบอื่น หรือกลัวเขาจะฉลาดขึ้นมา


นอกเรื่องอีกแล้ว มาเรื่องชนชั้นกลางต่อ อย่าหาว่าเม้าธ์เลย ชนชั้นกลางไม่ค่อยแคร์ต่อความเปนไปของโลกมากนักจน กว่าจะมีปัญหาเดือดร้อนมาถึงตัว ในวัยมหาลัยเขาไปค่ายอาสากัน แต่ก็เหมือนไปเที่ยวไปกอบโกยความสนุกจากชาวบ้านแล้วก็สร้างห้องสมุด ห้องน้ำ โรงอาหารให้เขาอย่างที่เขาต้องการหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วทุกคนก็ลืมไปสิ้นเมื่อตอนแวะตลาดซื้อของฝาก เขาไปเที่ยวชนบทเพื่อดูความเรียบง่าย พอเพียง ทางอุดมคติก่อนจะกลับมาชอปปิ้งในห้างหรูด้วยบัตรเครดิตที่หมุนเดือนชนเดือน แล้วเขาก็ด่าคนที่มาชุมนุมเหยียดหยามเขาเหมือนไม่ใช่คน ทั้งที่ผู้คนเหล่านั้นอาจจะเปนลุงป้าน้าอาที่เคยไปสร้างห้องสมุด โรงอาหารให้กับเขาเมื่อไปค่ายก็เปนได้ เขาไปวัดปล่อยนกปล่อยปลาถวายสังฆทาน แต่ไม่ฟังเทศน์ หลายคนอ่านหนังสือพระดังแต่ไม่รู้จัก "กาลามสูตร" เข้าใจว่าเปน "กามสูตร" หากลองปฏิบัติตาม กาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ พี่เชื่อว่าหลายคนคงเปนอิสระจากการครอบงำทางความคิดและเกิด "โยนิโสมนสิการ" ซึ่งไม่ใช่ความยินดีในโยนี แต่ลองไปเปิดหาความหมายเอาเองเถิด


แล้วที่เม้าธ์ชนชั้นกลางมาหลายย่อหน้านี้มันตอบคำถามใดของตี้ หากตี้มีโยนิโสมนสิการแล้วก็จะเข้าใจว่า น้องคนที่เขามีความยินดีในความตายของผู้คนเหล่านั้นเขาเปนชนชั้นกลางที่ขาด ซึ่งวิจารณญาณโดยแท้ อาจจะเปนความเยาว์ความเขลาของนาง หรือสื่อที่บิดเบือนโลกของนางไปให้เห็นกงจักรเปนดอกบัว เห็นความตายเปนเรื่องน่ายินดี เห็นความแตกต่างทางการเมืองเปนเรื่องที่ต้องเอามาตัดสินคนว่าโง่เง่าต่ำตม ถ้าเปนพี่ก็คงช็อคมิใช่น้อยถ้าได้เห็นการเอารูปคนตายมาหยามเกียรติและชี้ชวน กันวิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์นี้มองในแง่ดีเราก็จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของคนเหล่านั้นเหมือนกัน นะตี้ มันทำให้เรามีตาทิพย์ เพราะขณะที่คนอื่นมองเห็นความศรีวิไล ซ์ของน้อง ๆ เหล่านั้นว่าเปนคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีการศึกษาและเปนอนาคตของชาติ แต่เรามองเห็นด้านของปีศาจร้าย ความกักฬะโสมม ที่อยู่ในใจนาง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องความเชื่อทางการเมือง แต่เปนเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่า


เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นมนุษย์ไม่ใช่ มนุษย์ เรายังเชื่อในอำนาจนิยม วันหนึ่งที่เรามีอำนาจเราก็จะกลายเปนปีศาจร้ายทำลายได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต คนได้อย่างสนุกสนาน คิดดูว่าแค่มีอำนาจในมือในการพิมพ์คีย์บอร์ดยังเปนได้ขนาดนี้ วันหนึ่งที่เขามีสิทธิ์ชี้เปนชี้ตายคนพวกเขาจะสนุกสนานขนาดไหน แล้วเราจะหวังอะไรกับอนาคตของชาติที่เปนแบบนี้


ความหวังเรื่องสันติยังคงมืดมน แม้ขณะที่นั่งพิมพ์อยู่นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปปัตย์แล้วก็ยังไม่มีสัญญาณ อะไรว่าการชุมนุมจะเลิกรา พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังขออุทธรณ์ดิ้นรนเอาชีวิตรอด หรือถึงแม้จะเลิกชุมนุมไปแล้วการหวนกลับมาของทักษิณก็อาจจะมีการชุมนุมครั้ง ใหม่ของอีกฝ่าย หรือแม้แต่ทักษิณถูกประหัตประหารไป แต่เชื่อไหม ความ ขัดแย้งในสังคมก็จะยังดำเนินต่อไป นายกรัฐมนตรีสุดหล่อเคยออกมาบอกว่าอย่าเอาความขัดแย้งระหว่างชนชั้นมาเปน เงื่อนไขในการชุมนุม แต่ในความเปนจริง ความแตกต่างระหว่างชนชั้นนั่นแหละคือปัญหาหลักของประเทศนี้


ชนชั้นสูงรู้ดีว่าตัวเองมีอะไรอยู่ใน มือและชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรหากเกิดความเปลี่ยนแปลง ชนชั้นล่างรู้ดีว่าพวกเขาต้องการอะไรและชีวิตของพวกเขามันต่ำต้อยแค่ไหนใน ระบบเผด็จการทหารห่อประชาธิปไตย (เหมือนผัดไทห่อไข่) ทุกประเทศเปลี่ยนไปหมดแล้วไม่เว้นเวียตนามและกัมพูชา เมื่อคนที่ยากแค้นลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมและพวกเขาก็ชนะ พี่เชื่อว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่วันหนึ่งมันก็เกิดขึ้นแน่นอน เพราะภราดรภาพในใจของคนถูกปลุกขึ้นมาแล้ว อุดมคติแห่งความเท่าเทียมเริ่มคุกครุ่นในใจของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกปลุกเร้าด้วยความชิงชังของชนชั้นกลางที่ถูกดึงไปเปนเครื่องมือของชน ชั้นสูงอย่างเต็มตัว


ประเทศเราไม่มีทางเปนเหมือนเดิมอีกต่อไป ในเมื่อคนถูกเสี้ยมให้เกลียดกันแล้วรอยร้าวนี้ก็ยากจะสมาน ต้องให้เครดิตรัฐบาลชุดนี้ไว้ด้วยตรงที่ขยันออกข่าวสร้างภาพความเลวร้ายของ คนเสื้อแดง ใส่สีตีไข่ จนทำให้คนเกลียดกันได้มากถึงเพียงนี้ รัฐอาจจะต้องการรักษาอำนาจของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น สิ่งนั้นอาจจะสำคัญมากกว่าความเข้าอกเข้าใจกันของคนในชาติ


มันอาจจะฟังดูอุดมคติ แต่จริงแล้วเมื่อคนเข้าใจกันว่าเราต่างมีหน้าที่ของตัวเองในสังคม ไม่ได้มีใครสำคัญกว่าใครเราเปนฟันเฟืองตัวหนึ่งที่มีหน้าที่ที่เท่าเทียมกัน คือหมุนประเทศนี้ต่อไปข้างหน้า เราเข้าใจว่า เราเองก็ไม่อยากจน ไม่อยากลำบาก และคนอื่นก็เช่นกัน ใครก็อยากรวย อยากสุขสบาย เราจะไปบอกคนอื่นว่าเกิดมาจนก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไปสิมันไม่ได้หรอก เพราะลองถามตัวเองจะให้ไปอยู่อย่างนั้นเอาไหม เราก็ไม่เอาเหมือนกัน ฉะนั้น กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย คนกรุงเทพไม่ใช่เจ้าของประเทศ คนต่างจังหวัดไม่ใช่คนโง่ เขาตื่นแล้ว ความยากจนข้นแค้น มันเรียกร้องให้เขาหาคำตอบว่าทำไมชีวิตเขาถึงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้สักที วันหนึ่งเมื่อเขาเจอคำตอบเขาก็ไม่เชื่อสื่อของรัฐอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้เกียจคร้านและแบมือขอ พวกเขาทำงานหนักกว่าเราที่ทำงานในเมือง แต่ค่าตอบแทนมันต่างกันลิบลับ เราร้อนเราเปิดแอร์ แต่เขาร้อนนั่นคือพืชผลถูกทำลายและหมายถึงเจ๊งๆ ๆ ไม่มีจะแดก นี่คือเรื่องจริง อย่างที่สุดไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นมาประโลมโลกย์ และไม่ตื้นเขินเหมือนคำตอบที่ว่าคนเสื้อแดงทั้งหมดมาเพื่อทักษิณ


เขียนมาถึงขั้นนี้ คงมีหลายคนที่เกลียดชังพี่ที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างออกไป ซึ่งพี่ไม่ได้โกรธคนเหล่านั้น เพราะคนเรามีความเชื่อต่างกันได้ และจะเกลียดกันก็ไม่ว่ากระไรแต่ให้ลองถามว่า คุณเกลียดชังคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างจากคุณด้วยเหตุผลอะไร หากคุณรักชาติหวงแหนผลประโยชน์ของชาติ ลองนึกถึงคำตอบหน่อยว่า ผลประโยชน์ของชาติ คืออะไร ถ้าตริตรองดูด้วยเหตุผลด้วยข้อมูลต่าง ๆ มาประสมกัน คิดโดย "ไม่ควรเชื่อ เพียงเพราะ..." แล้วยังยึดมั่นอุดมการณ์เดิมด้วยเหตุผลที่หนักแน่น เราก็ยินดีให้ด่า


พี่หวังว่าจดหมายนี้จะเปนคำตอบที่ดีให้กับตี้และน้องปาริณอยู่ไม่ น้อย หวังว่าสิ่งที่กลัดใจอยู่คงจะคลายความเครียดของมันลงไปได้ในเร็ววัน อาจ จะสงสัยว่าทำไมพี่ถึงเรียกชนชั้นกลางว่าพวกเขา แล้วพี่เปนชนชั้นอะไร จริง ๆ แล้วพี่ก็เปนชนชั้นกลางเหมือนกับทุก ๆ คนที่เล่นเน็ตอยู่ ณ ที่นี้แหละจ้ะ เพียงแต่บางครั้งเราก็ไม่อยากถูกเหมารวมไปอยู่ในหมวดชน ชั้นกลางที่เหยียดวรรณะ เพราะถ้าเปนเช่นนั้นแล้ว พี่ยอมเปน "ไพร่" มากกว่าจะเปนคนในแดนศริวิไลซ์ที่มองเห็นคนไม่เห็นเปนคน


วิงวอนให้ทุกคนได้มี "โยนิโสมนสิการ" ในเร็ววัน


แมวโพง สีสวยดี



คลิป ทหารยิงประชาชน จะจะ

ลิ้งค์ดู... นะครับ ของเวปข่าวทางฝรั่งเศษ ครับ...


ภาพเหตุการณ์ อยู่ หลังสุดเลยนะครับ... ยิง แ้ล้วพอเหลือบเห็นกล้อง ก็ตกใจ วิ่งหลบกลับไปเลย

แบบนี้ ฤ เปล่าครับที่มีตาย กัน
เพราะว่า ยิงตอนล่าถอย จังหวะเดียวกับ เสื้อแดงเข้าเคลียพื้นที่... แล้วก็มีตายกันตอนนั้น เช่น ชายถือธง นักข่าวญี่ปุ่น...

อันนี้คือ ความเห็นของสื่อฝรั่ง

“We visited different hospitals Sunday morning and we’ve seen several victims with bullet wounds in the head (…) It’s really hard to believe the official declaration that mentions only rubber bullets and troops firing into the air”, says Cyril Payen, FRANCE 24’s correspondent in Bangkok, who was at the scene of the fighting on Saturday night.

อันนี้ ผมโหลดมา แล้วอัพขึ้นของผมเองนะครับ เพื่อทางต้นฉบับ โดนแบนครับ....

คลิปภาพ พลซุ่มยิง ที่ รร สตรีวิทย์

แหล่งที่มา...
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9127146/P9127146.html
จากคุณ : บัณรสี01

มาดูกัน ยิงมาจากดาดฟ้าสตรีวิทย์...แล้วบอกต่อ

คลิปในยูทูป..

สังเกตช่วงเวลา 3.03 และ 3.36 บนดาดฟ้า รร.สตรีวิทย์ ซึ่งเป็นที่รวมพลของทหาร เมื่อดูตามคลิปไป จะเห็นว่ามีประกายไฟจากกระบอกปืนอยู่บนดาดฟ้าตามภาพ



ผมไม่อยากให้ กระทู้นี้ผ่านไป
ไม่เห็นมีสื่อไหนสนใจด้วย ช่วยกันดูช่วยกันเก็บเป็นหลักฐานครับ
ผมจะโพสทุกวัน จนกว่าจะมีการเก็บเป็นหลักฐานหรือเผยแพร่ทางสื่อ ครับ

วิเคราะห์... วิถีกระสุน ที่เสื้อแดงโดนยิง

ภาพจากคลิป... คนถือธง (กำลัง) หันหลังกลับ แล้วโดนยิงจังหวะนั้น ....

จากที่ดู ภาพนิ่ง สังเกตุ จุดที่เท้ายืน เอานะครับ อยู่ในจังหวะกำลังหันหลัง ครับ....แต่ยังไม่เต็มทีดีนัก

ดูจากจุดที่เท้ายืน ยังเฉียง ๆๆ (ยังไม่ 180 องศาดี) ในจังหวะที่ถูกยิง....

ทำให้กระสุนเข้าที่ หลังกกหู แล้วตัวก็ล้มมาทางด้านข้าง... อย่างในภาพ ครับ...

ดูคลิปอีกที...



อันนี้ ภาพช๊อต ต่อ ช๊อต...




เปิดดู ให้แทปใหม่ แล้วขยายเอานะครับ

วิเคราะห์.. ที่มาระเบิดที่แยกคอกวัว...

วิเคราะห์ ที่มาระเบิดที่แยกคอกวัว... แหล่งที่มา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9118483/X9118483.html
จากคุณ : tOeKiNgSiZe

ผมมาเฉลยทิศทางการมาของระเบิด M79 ที่ลงกลางกลุ่มทหารครับ
ผมได้ลองเอาไฟล์คลิปที่โหลดมา แล้วมาเข้าโปรแกรม Ulead Vedio Studio แล้วปรับแสงให้มันสว่างแล้วทำการเล่นแบบสโลว (ช้ามากๆ) ดูก็พบว่า

ระเบิดมาจากทางด้านขวามุมบนของฝั่งทหาร (ดูรูปภาพประกอบ)

ไม่เชื่อลองเอาไฟล์ไปเข้าโปรแกรม Ulead Vedio Studio แล้วลองทำตามดูครับ เห็นชัดเจนเลยครับ

หรือดูจากไฟล์ที่ผมแนบมาก็ได้นะครับ...(ผมตัดมาเฉพาะจุดที่ระเบิดลง )
เพราะไฟล์จะได้ไม่ใหญ่ // สังเกตุวินาทีที่ 8 นะครับ

http://www.mediafire.com/?yynmdimnowg




อันนี้ ผมเอาคลิปมาขึ้นให้นะครับ เสียงดังหน่อย... ลดเสียงด้วยนะครับ...
แล้วผมแปลงเป็น FLV จากเดิมเป็น AVI ไฟล์จะได้เล็กลง นะครับ

รบ ปราสิต งานเข้า สลายผ่านฟ้า ไม่อยู่ใน 11 เส้นทางที่ประกาศไว้

แหล่งที่มา...
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9125193/P9125193.html
จากคุณ : life at plus

งานเข้าเเล้วรัฐบาล การสลายผู้ชุมนุมวันที่ 10 ที่ผ่านมาเอาเหตุผลอะไรไปสลายเพราะไม่อยู่ใน 11 เส้นทางตามประกาศ

11 เส้นทางที่ประกาศห้ามชุมนุม ตาม พรก ที่กำหนดไม่มีเส้นทางที่ทหารสลายการชุมนุมอยู่ในประกาศฉบับที่ 6 เลย คุณใช้เหตุผลอะไรในการสลายที่ผ่านฟ้า
ถ้าเป็นที่ราชประสงค์จะมีเหตุผลนะเพราะอยู่ใน 11 เส้นทางตามประกาศ งานนี้ปฏิเสธความรับผิดชอบกันไม่ได้เลย ถึงเวลาเเล้วหรือยังที่จะหุบปากกันซะเเล้วลงมือปฏิบัติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทุกฝ่าย หยุดพล่าม หยุดสาดโคลนกันซะที ใช้เวลาหาเรื่องสาดโคลนไปวันๆเปลี่ยนมาเป็น ใช้สมองคิดกันดีกว่าว่าทำยังไงประเทศไทยจะกลับไปเหมือนเดิม ไอ้ประเภทเอาเกลือจิ้มเกลือ ม๊อบชนม๊อบ ทหารยิงทหาร ไม่ใช่ทางออก ปัญหาเกิดที่การเมือง ก็ต้องใช้นักการเมืองร่วมมือกันแก้ อย่าไปอิงเเอบซบคนนั้นทีคนนี้ที การชกคู่ต่อสู้ คุณปิดหูปิดตามัดมือมัดเท้า คู่ต่อสู้ เเล้วคุณชนะ เเล้วคุณภูมิใจในชัยชนะหรือ ไม่ได้เรียกร้องให้ยุบสภา หรือลาออก หรืออะไร สิ่งที่ควรทำด่วนตอนนี้ คือหยุดสาดโคลนหยุดชี้นำเรืองไม่เป็นเรืองเสียที อย่าลืมสิ กลองดีไม่ต้องตีมันก็ดัง
ถ้าใครไม่เชื่อเรื่องบาปกรรม ให้ดูตัวอย่าง คุณบรรหาร ล่าสุดที่เห็นก็ข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ เมือเช้า คุณบรรหารได้กิติศัพทืเรืองลิ้นสองเเฉก ตอนนี้พวกคุณดูคุณบรรหารสิ เวลาพูดทุกสองวินาทีต้องเเลบลิ้นออกมาเหมือนตัวเงินตัวทอง นี่แหละคือกฏเเห่งกรรม
(มีเงินล้นเเบงค์ก็ไม่สามารถรักษาได้ )

เเละสืบเนื่องจากอีกกระทู้ของ จขกท http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9119414/P9119414.html

ไม่ได้มีเจตนาบอกว่าเเดงผิดหรือรัฐบาลผิด สิ่งเหล่านี้มีกระบวนการในการตัดสินโทษอยู่เเล้ว เเค่ต้องการความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมพี่น้องคนไทย เเค่นั้นเอง

ด้วยจิตคาราวะ
จขกท
---------------------------------------------------------------------------------
ประกาศ ฉบับที่ 6
กรุงเทพฯ (4 เม.ย.) เวลา 16.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงการประชุม ศอ.รส. วงเล็ก ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอ.รส.เป็นประธาน เมื่อเวลา 15.00 น.นั้น ศอ.รส.ได้มีประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร สถานที่ที่กำหนด

ตาม ที่ได้มีการประกาศฉบับที่ 5 ห้ามให้บุคคลเข้า ออกจากสถานที่อาคารที่กำหนด รวมถึงการห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ระงับยับยั้ง ปราบปราม และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ในพื้นที่ รวมทั้งเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเพื่อการ ดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไปเป็นปกติสุขนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการใดๆ โดยปิดกั้นและกีดขวางพื้นที่ และเส้นทางสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่สำคัญ และเกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน ซึ่งมิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ

อาศัยอำนาจตามความในข้อที่ สอง วรรคท้าย ของข้อกำหนดตามความในมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ให้ออกประกาศกำหนดเพิ่มเติมดังนี้ 1.ห้ามบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำลาย หรือทำความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ เข่น การปลุกระดม ยุยง ปลุกปั่น สร้างสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความรุนแรง หรือเป็นอันตรายต่อการสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงของรัฐ เข้าหรือออกจากพื้นที่เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้า หน้าที่

โฆษกศอ.รส. ระบุว่า พื้นที่ที่ห้ามให้เข้าออกสถานที่มีดังนี้

ก.ถนนพระรามที่สี่ ตั้งแต่แยกตัดกับถนนสาธรถึงแยกสามย่าน

ข.ถนนสาธรตั้งแต่แยกตัดกับ ถนนพระรามที่ 4 ถึงแยกตัดกับถนนเจริญกรุง

ค.ถนนสีลมตั้งแต่แยกตัด กับ ถนนพระรามที่4 ถึงแยกตัดกับถนนเจริญกรุง

ง.ถนนสุรวงศ์ ตั้งแต่แยกตัดกับถนนสุรวงศ์ ถึงแยกตัดกับถนนสาธร

จ.ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่แยกตัดกับถนนสุรวงศ์ ถึงแยกตัดกับถนนสาธร

ฉ.ถนนราชดำริ ตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าราชดำริ ถึงแยกตัดกับถนนพระรามที่ 4

ช.ถนนพญาไท ตั้งแต่แยกสามย่านถึงแยกราชเทวี

ซ.ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกตัดกับถนนสุขุมวิท ถึงแยกตัดกับถนนพระรามที 4

ฌ.ถนนดิน แดง ตั้งแต่แยกตัดกับถนนรัชดาภิเษก ถึงแยกตัดกับถนนทวีมิตร

ญ.ถนน ทวีมิตร

ฎ.ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกตัดกับถนนดินแดนถึงแยกตัดกลับรัชดาภิเษกซอย 8

พ.อ.สรรเสริญ ระบุอีกว่า ข้อ 2.ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามที่กำหนดในพ.ร.บ.ความมั่นคง 2551

ข้อ 3.ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และผอ.ศอ.รส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เจ้าหนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสัญญาบัตร

ข้อ 4.ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอ.รส.วันที่ 4 เม.ย.นี้

"การประกาศฉบับที่ 6 ถือเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนตัวไปที่สีลม ทั้งนี้ในการดำเนินการปฏิบัติต้องคิดถึงการเผชิญหน้ากับความรุนแรง และชั่งน้ำหนักกับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนประกาศฉบับที่ 6 เป็นการประกาศล่วงหน้า เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในถนนหรือเส้นทาง ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่าการแก้ไข"

ทั้งนี้ นายสุเทพ ได้สั่งให้ตำรวจตั้งจุดสกัด เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนที่ได้อย่างอำเภอใจ ซึ่งคิดว่า จะสามารถสกัดได้ เพราะเท่าที่ตรวจสอบจำนวนผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์มีหมื่นคน ผ่านฟ้ามีหมื่นกว่าคน น่าจะสามารถดูแลได้ ส่วนบริเวณแยกราชประสงค์นั้น เราได้ผิวการจราจรมาสองเส้นทาง แต่ไม่เพียงพอ เพราะปัญหาจราจรเป็นความเร่งด่วนลำดับที่สอง เรื่องเร่งด่วนแรกคือ ความมั่นใจของประชาชน ซึ่งขณะนี้ถือว่า ท่านที่อยุ่ในพื้นที่ชุมนุมมีความผิด โดยขั้นตอนต่อไปเราจะมีการชี้แจงให้รับทราบผ่านเครื่องขยายเสียง

### ร่วม คลิป - บทวิเคราะห์ ต่าง ๆๆ ในวัน เมษาทมิฬ 53 ###

ทหารรุม ทุบตี ประชาชน... จะจะ ชัดชัด

วิเคราะห์ ที่มาระเบิดที่แยกคอกวัว...

วิเคราะห์ วิถีกระสุนปืน ที่ยิงชายถือธงตาย...

วิเคราะห์ พลซุ่มยิงที่ตึก รร.สตรีวิทย์

เมื่อผู้กำกับ "รักแห่งสยาม" แสดงความรู้สึก เรื่อง สีแดง - สีเหลือง

คลิปหลังเหตุการณ์

คลังคลิปเสื้อแดง....

คลิปทหารยิงประชาชน 02

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

ดูช่องแดงไม่ได้ มีแหล่งใหม่ ครับ เลือกเอาเลยย

ให้รับชมใน TVU
ให้รับชมใน TVU

http://www.redshirttv.com/p2p.php สัญญาณหลุดแจ้ง info@thaipeopletv.com

Comment #343885 by Cleo7club | Wed, 04/07/2010 - 19:03 | Vote to close comment New

จอใหญ่

http://www.chiangrai24.tv/

ตั้งใหม่ ของคุณchiangraiplus

Comment #343895 by ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน | Wed, 04/07/2010 - 19:08 | Vote to close comment New

หรือพิมพ์ ใน google search หาTVU
พิมพ์ ใน google TVU แล้ว down load program มา จากนั้น เลือกในช่อง search คำว่า people ก็ได้มันจะโชว์ภาษาไทย มี 2 ช่อง people channel กับ redshirt เลือกเอาอันใดอันหนึ่งครับ อ้อ มันจะชึ้น กล่องโฆษณาแฝงให้คุณกดเข้าไปดูด้วย อย่าไปหลงมันเพราะพอเรากดดูช่องทีวีที่เราเลือกแล้วรอหน่อย เดี๋ยวกล่องโฆษณาก็จะหายไปเอง

Comment #343899 by CraZyBMW | Wed, 04/07/2010 - 19:09 | Vote to close comment New

http://www.heyha-radio.com/cb

http://www.heyha-radio.com/cbox.html

http://www.newskythailand.us/

Comment #343905 by มังกรล้านนา | Wed, 04/07/2010 - 19:14 | Vote to close comment New
ดูผ่านโปรแกรมครับ
ดูผ่านโปรแกรมครับ ของเสื้อแดงมีสองช่อง โหลดตามลิงค์เลยครับ ดีกว่าดูผ่านเว๊บขยายเต็มจอได้

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9092638/P9092638.html

Comment #343920 by Blueman | Wed, 04/07/2010 - 19:20 | Vote to close comment New
นี่อีกอัน

http://www.cbnpress

นี่อีกอัน

http://www.cbnpress.com/index.php/component/content/article/39-2008-12-2...

Comment #343927 by somchai098 | Wed, 04/07/2010 - 19:22 | Vote to close comment New
http://www.facebook.com/UDDTh
http://www.facebook.com/UDDThai?v=app_7146470109&ref=nf
อีกทางคือ ดูผ่านเฟชบุค ตามลิ้งค์ข้างบน ไปที่ดูทีวีสดๆ(live)
ในมือถือ
nokia = ais/ wap.mobilelife.co.th ไปที่ดูทีวี
PPC = http://www.dooplus.tv/content_livetv.html
Iphone = ustream or TVU
or search these word TVU, chiangraivoice, dooplus, people, redshirt
มีอีกมากมาย เจอแน่นอน

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

นปช. คนเสื้อแดง.. กับกลลูกโซ่สุดยอดกลยุทธซุนวู (โดยคุณปูนก)

ในกระบวนการต่อสู้นั้น ซุนวู นับว่าเป็นผู้ที่เป็นสุดยอดแห่งความเป็นปรมาจารย์ด้านกลศึก โดยหลากหลายกลศึกนั้นก็ยังคงใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้... การต่อสู้ของ นปช. คนเสื้อแดงในครั้งนี้ได้มีการวางแผนรัดกุมรอบคอบมาเป็นอย่างดี.. โดยใช้บทเรียนจากเมื่อครั้งสงกรานต์เลือดปีที่แล้วมาเป็นตัวอย่าง.. ก่อนที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ แกนนำและคณะทำงานได้ร่วมกันทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพื่อให้การชุมนุมครั้งนี้ทุกอย่างออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด.. มีการเปิดปราศัยให้ความรู้ และสร้างฐานมวลชนโดยรอบอย่างจริงจัง และต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน.. มีการทดสอบการชุมนุมใหญ่ในที่ต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ.. มีการสร้างแนวร่วมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับมวลชน ขณะเดียวกันก็ทำลายความแข็งแกร่งของศัตรูลงไปด้วยในคราวเดียวกัน..

ในหลักพิชัยสงครามของซุนวูมีกลศึกชนิดหนึ่งเรียกว่า “กลลูกโซ่” กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า “เมื่อกำลังศัตรูเข้มแข็งกว่าหลายเท่า จักปะทะด้วยมิได้เป็นอันขาด พึงใช้กลอุบายนานา ให้ศัตรูต่างถ่วงรั้งซึ่งกันและกันทำลายความแกร่งของศัตรู หรือร่วมมือกับพลังต่างๆทั้งมวล ร่วมกันโจมตี เพื่อขจัดความฮักเหิมของศัตรูไป”

การต่อสู้ครั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง นปช. วางเป้าหมายเอาไว้ที่การยุบสภาของ นายกอภิสิทธิ์ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจในการบริหารประเทศนี้ พูดง่าย ๆ อย่างตรงไปตรงมาก็คือ ต้องการให้พรรคเพื่อไทย ขึ้นไปบริหารประเทศแทนพรรคประชาธิปัตย์น่ะเอง.. แม้จะเป็นเป้าหมายค่อนข้างต่ำ เพราะการเปลี่ยนรัฐบาลขณะที่ “อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ” ยังมีอยู่เต็มที่นั้น ก็ยังคงไม่สามารถทำให้ประชาชนได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาได้..แต่ถึงอย่างไรการค่อย ๆ บ่อนเซาะทำลายฐานกำลังอำนาจของฝ่ายเผด็จการ ก็คือชัยชนะที่เบื้องต้น เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในเบื้องปลายนั่นเอง...ปัญหาอยู่ที่ว่าจะต้องดำเนินงานการต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ทดท้อ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา...

ขณะนี้ทหารก็ไม่มีเอกภาพในการที่จะผนึกกันเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะปราบปรามประชาชนได้อีกต่อไป.. ทหารเรือก็วางตัวเป็นกลาง และพร้อมจะเข้าข้างประชาชนผู้ถูกปราบปราม... หทารบกก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ มีเพียงกลุ่ม “บูรพาพยัคฆ์ เท่านั้นที่พอจะเป็นกองกำลังให้กับอำนาจฝ่ายเผด็จการได้..แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกระทำได้อย่างแท้จริง เพราะยังไม่สามารถมาหาความชอบธรรมในการล้อมปราบได้...และอีกทางหนึ่งก็คือ ไม่มี่ใครรู้แน่ว่า นปช. กลุ่มคนเสื้อแดง มีกองกำลังติดอาวุธของตนเองอยู่บ้างหรือไม่..

การยึดพื้นที่ส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ คือ บริเวณราชประสงค์นั้น เป็นแนวทางที่สร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ อย่างมาก.. รัฐบาลได้ตั้ง ศอ. รส. ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นกองบัญชาการเพื่อจะทำการปราบปรามประชาชนโดยเฉพาะ..แม้จะพยายามหาข้อกล่าวหาและข้ออ้างโดยการโจมตีใส่ร้ายพี่น้องประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมากเพียงใด.. การชุมนุมของผู้คนก็มิได้ลดน้อยลง กลับยิ่งเพิ่มทวีขึ้นอย่างมากมาย..

การเคลื่อนขบวนไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ ของคนเสื้อแดงถึง 2 ครั้งได้รับการต้อนรับตลอด 2 ข้างทาง โดยเป็นการออกมาให้กำลังใจของประชาชนทั่วทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ประชาชนไทยโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และพี่น้องต่างจังหวัดที่เป็นประชาชนคนธรรมดาๆ ไม่ได้มีอำนาจบารมี, หรือวาสนาใด ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ “ประชาชนชาวรากหญ้า” ทั้งหลายนั้น ต่างก็มีความรู้สึกอึดอัด และเหลือทนกับสภาพที่รัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารประเทศอยู่ในขณะนี้อย่างเต็มที่แล้ว

พวกเขาแต่ละคนก็ปรารถนาจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยนำเอาประชาธิปไตยมาเป็นของประเทศนี้อย่างแท้จริงเสียที.. ระบบ 2 มาตรฐานจะต้องถูกทำลายลง.. อำนาจนอกรัฐธรรมนูญไม่ควรมีอยู่ในประเทศนี้...ประชาชนเท่านั้นที่ควรจะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง.. นักการเมืองจะต้องเป็นผู้ที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นเจ้านายเหนือประชาชน.. แม้ว่าการยุบสภา ในครั้งนี้จะยังไม่ใช่การได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็ตาม..

แต่ทว่าการ “สะสมชัยชนะ” ก็เป็นหนทางที่เหมาะสม ที่ควรจะนำพาไปสู่การต่อสู้ในขั้นที่สูงขึ้น.. แม้รัฐบาลทั้งนายกอภิสิทธิ์ และนายสุเทพฯ ต่างก็ “กระ...นกระหือรือ” ที่จะทำการ “ล้อมปราบ” คนเสื้อแดงให้ได้ โดยจะใช้ 6 ตุลาคม 2519 มาเป็น โมเดล คือการสร้างภาพให้คนเสื้อแดงกลายเป็น โจรผู้ร้ายในสายตาของคนทั้งชาติ แต่ครั้งนี้ “กลลูกโซ่” ที่ ถูก นปช. นำมาใช้นั้น ก็สามารถสลายกองกำลังที่ อำนาจเผด็จการเคยมีอยู่ในอ่อนลงได้อย่างสิ้นเชิง..

และเมื่อกองกำลังอำนาจของเผด็จการอ่อนลง นั่นก็หมายความว่า “อำนาจการต่อรอง” ของฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมีสูงขึ้นนั่นเอง... พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย เราได้ร่วมต่อสู้กันมา และเดินร่วมกันมาจนเกือบจะถึงปลายทางแห่งชัยชนะในเบื้องต้นแล้ว.. ขอให้พี่น้องทุกท่าน ร่วมกันเดินต่อไปอีกสักหน่อย แล้วเมื่อเราได้ชัยชนะแล้ว...เราทุกคนจะร่วมฉลองชัยด้วยกัน ทั้งประเทศ... ด้วยความสุขสดชื่นและมีหวัง


โดย คุณ ปูนนก Tue, 04/06/2010 - 11:23 | by poonnok
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/36419