วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

2013 Asian Women's Volleyball Championship

รอบชิงเหรีญทอง
 ไทย - ญี่ปุ่น Set 1/3
 ไทย - ญี่ปุ่น Set 2/3
 ไทย - ญี่ปุ่น Set 3/3
พิธีมอบเหรียญรางวัล

We Are The Champions Thailand Number 1 AVC 2013

ชิงเหรีญทองแดง
จีน - เกาหลี Set 1/5
จีน - เกาหลี Set 2/5
จีน - เกาหลี Set 3/5
จีน - เกาหลี Set 4/5
จีน - เกาหลี Set 5/5

นักตบสาวไทยกอดแสดงความยินดีกับสาวเกาหลีชนะจีนได้ที่ 3

รอบตัดเชือก เป็นเกมที่สุดยอด ระดับ 5 ดาว
ไทย - จีน Set 1/5
ไทย - จีน Set 2/5
ไทย - จีน Set 3/5
ไทย - จีน Set 4/5
ไทย - จีน Set 5/5

นักตบสาวเกาหลี แสดงความยินดี กอดกับนักตบสาวไทยที่ชนะจีน

รอบจัดอันดับ
ไทย - ญี่ปุ่น Set 1/4
ไทย - ญี่ปุ่น Set 2/4
ไทย - ญี่ปุ่น Set 3/4
ไทย - ญี่ปุ่น Set 4/4

*************

สำหรับแฟน ๆ Miyashita Haruka น้องเค้าฟันหน้าหักนะครับ...จากอุบัติเหตุในการแข่งขันที่ลีค ญึ่ปุ่น


10 สุดยอดจังหวะแชมป์เอเชีย

*************

บทสัมภาษณ์ที่โค้ชอ๊อดให้สัมภาษณ์สื่อจีน
  
เครดิต : คุณ ทรายในขวดแก้ว ณ พันทิป

http://pantip.com/topic/31027188



泰女排主帅中秋送中国队月饼 战斗精神支撑我们夺冠
โค้ชลูกยางไทยมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้ทีมจีน ฮึกเหิมสู้พวกเรา
http://sports.sina.com.cn/o/2013-09-25/08506799824.shtml



การแข่งขันศึกลูกยางสาวชิงชนะเลิศแห่งเอเชียที่เพิ่งจบลงไปนั้น ลูกยางสาวไทยเอาชนะทีมจีนและญี่ปุ่นจนได้แชมป์ไปในที่สุด สร้างความสั่นสะเทือนกลางเวทีลูกยางเอเชีย แต่ทว่าเกียรติพงศ์ ผู้ฝึกสอนทีมไทยได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์เยาวชนปักกิ่งว่า เขายังเชื่อมั่นว่าทีมลูกยางสาวจีนยังเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของ โลก

     ไม่ว่าคู่แข่งจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเราก็ต้องทำการบ้านก่อนการแข่งขันทุกครั้ง จริง ๆ แล้วไม่เพียงแค่นัดที่แข่งกับทีมจีน แต่ว่าหลาย ๆ นัด รวมถึงนัดที่แข่งกับญี่ปุ่นและนัดอื่น ๆ ด้วย พวกเราทำกันแบบนี้ครับ

     ในรายการเวิรล์กรังปรีซ์หลายปีมานี้ นักข่าวของหนังสือพิมพ์เยาวชนปักกิ่งได้รู้จักบุรุษรูปร่าง 1.90 เมตร สูงใหญ่ หน้าตาไทย ๆ จนมาถึงศึกลูกยางชิงชนะเลิศแห่งเอเชียเราก็ได้พบกับเขาอีก

วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์พอดี และก็เป็นวันชิงชัยระหว่างไทย-จีน คืนนั้น 5 ทุ่มกว่า เมื่อนักข่าวกลับไปยังโรงแรม ล่ามผู้ติดตามได้ส่งขนมไหว้พระจันทร์มาให้ 1 กล่อง เธอบอกนักข่าวว่า "โค้ชอ๊อดส่งมาให้โดยเฉพาะค่ะ ทุกคนในทีมจีนได้คนละ 1 ชิ้น" ความละเอียดลออและน้ำใจของโค้ชอ๊อดอดทำให้ทีมจีนซาบซึ้งไม่ได้ แถมยังคุ้นเคยกับประเพณีจีนอีก ซึ่งมันคงมาจากความรู้สึกจากใจต่อทีมจีน

     ตอนเกียรติพงศ์หนุ่ม ๆ นั้น เขาเป็นกำลังหลักของทีมลูกยาวชายไทย อีกทั้งตอนที่เขาเป็นนักกีฬานั้น ช่ายปินวัยเดียวกันก็เป็นมือเซตของทีมชาติจีน เกียรติพงศ์เคยมาฝึกซ้อมที่ประเทศจีนหลายครั้ง ได้รับปรัชญาวอลเล่ย์บอลจีนไปด้วย เขาบอกกับนักข่าวเราว่า "ตอนที่เขายังเป็นนักกีฬานั้น เคยมากับทีมชาติไทย มาฝึกซ้อมที่ฝูเจี้ยนอยู่ประมาณเดือนนึง คุ้นเคยกับเฉินจงเหอ เจิ้งจ้งหยวน ผู้ฝึกสอนชาวจีนอย่างดี หลังจากฝึกกลับมาแล้ว พวกเราได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างกลับมามากมาย

    หลังจากมอบขนมไหว้พระจันทร์ เกียรติพงศ์กลับไม่ได้นอนทั้งคืน เขาบอกนักข่าวว่า "เมื่อกลับถึงห้องที่โรงแรม ผู้ช่วยของผมก็นำข้อมูลกลยุทธ์ทั้งหลายมาให้ผม ผมวิเคราะห์ข้อมูลเทคนิกในคอมพิวเตอร์ว่าทีมจีนมีข้อดีตรงไหน ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าโอกาสชนะทีมจีนมีน้อยเพียงใด แต่นี่คืองานของพวกเรา ไม่ว่าคู่แข่งจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขันเสมอ อันที่จริงไม่เพียงแต่นัดที่แข่งกับทีมจีนเท่านั้น แต่ว่าหลาย ๆ นัด รวมถึงนัดที่แข่งกับญี่ปุ่นและนัดอื่น ๆ พวกเราก็ทำกันแบบนี้ ดังนั้นในระหว่างทัวร์นาเม้นต์ชิงแชมป์เอเชียนี้ ผมได้นอนน้อยมากครับ"

   ในวันต่อมา ศึก ไทย-จีน ได้เริ่มขึ้น ในเซตแรกทีมจีนเอาชนะไปได้อย่างสบาย ๆ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ทีมไทยเริ่มบุกมากขึ้น ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้ชมนับหมื่นนั้น ทีมไทยก็กำชัยชนะไว้ได้ ดูเหมือนว่า เกียรติพงศ์จะไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับประเพณีจีน แต่กัยังคุ้นเคยกับรูปแบบการเล่นของทีมจีนด้วย
  
     ชนะทีมจีนได้ถือว่าเป็นโชค

    แพ้นัดนี้ ไม่เป็นไร เป็นความรับผิดชอบของผม แต่หากชนะนัดนี้ นี่คือน้ำพักน้ำแรงของทีมนักกีฬา เพราะพวกเขาขยัน และทำได้ พวกเธอได้ทำให้เห็นแล้วว่าตนเองนั้นสุดยอด

     ก่อนการแข่งขันกับจีนในรอบรองชนะเลิศ เกียรติพงศ์เคยกล่าวไว้ว่า ทีมไทยมีโอกาสชนะเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แต่ว่าหลังจากชนะ 3-2 แล้ว เกียรติพงศ์ก็ยังว่ามันเป็นโชค เขาแจงเหตุการณ์กับนักข่าวของเราว่า "จนกระทั่งตอนนี้ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง พวกเราชนะทีมชาติจีนเหรอ? พวกเราได้เข้าชิงเหรอเนี่ย?

    ในระหว่างการแข่งขันวันนั้น เกียรติพงศ์เผยความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า "ก่อนการแข่งขัน ผมเรียกนักกีฬาทุกคนมาคุย บอกพวกเธอว่าต้องเล่นยังไง ต้องระวังคู่แข่ง(จีน)ตรงไหนบ้าง ตอนแข่งนั้น ผมใส่หูฟังยืนอยู่ข้างสนาม  ฝ่ายเทคนิคบอกข้อมูลสถิติต่าง ๆ กับผม อย่างเช่นว่า คนไหนของจีนรับบอลแรกไม่ดี ตำแหน่งการบล็อคตรงไหนเป็นยังไง ผมก็จะเข้าใจได้ทันที หลังจากนั้น พวกเราก็จะดูสถานการณ์ในสนามแล้วก็แจ้งกับนักกีฬา หลายคนบอกว่า บอลเซตเราไม่ดี พวกคุณรู้กันหรือเปล่า บอลเซตแต่ละลูกเป็นยังไงผมก็บอกตลอด นักกีฬาเราสูงสู้จีนไม่ได้ บล็อคเป็นไงบ้าง ผมก็บอกพวกเธอหมด แน่นอนว่า ถ้านัดนี้เราแพ้ ก็ไม่เป็นไร เป็นความรับผิดชอบของผมเอง แต่ถ้าชนะ นี่คือน้ำพักน้ำแรงของทีมนักกีฬา เพราะพวกเขาขยัน และ ทำได้ พวกเธอได้ทำให้เห็นแล้วว่าตนเองนั้นสุดยอด แน่นอนว่า พวกเราโชคดีที่ชนะ ในระหว่างแข่งขัน ทีมจีนมีโอกาสชนะหลายครั้ง แต่ว่าพวกเราโชคดีกว่า

    กลับโรงแรมในคืนชิงแชมป์
  
    ผมถามพวกเธอว่า คุณพร้อมกันหรือยัง? พวกเธอตอบว่า พร้อมแล้วค่ะ ! ผมพูดว่า "ดี งั้นพวกเราไปสู้ให้เต็มที่กัน"

    ในคืนก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ สาวไทยนอนไม่หลับกัน ในระหว่างการแข่งขัน ทีมไทยกวาดทีมญี่ปุ่นไป 3-0 เซตได้รับชัยชนะไปในที่สุด หลังพิธีมอบรางวัลเสร็จสิ้นลง เกียรติพงศ์และทีมได้เดินเท้าจากสนามแข่งขันเพื่อกลับโรงแรม เกียรติพงศ์บอกว่า  "ก่อนการแข่งขันเราขอพร(บน)ไว้ว่า ถ้าเราได้แชมป์เราทุกคนในทีมจะเดินจากสนามแข่งกลับโรงแรมกัน  ทั้งสองข้าง ทางที่เดินกลับเต็มไปด้วยแฟน ๆ พวกเราเดินไปคุยกันไป ทักทายแฟน ๆ ถ่ายรูป แจกลายเซ็นต์ สุดท้าย พวกเราใช้เวลาเดินทั้งสิ้นสามชั่วโมงกว่า ๆ ถึงโรงแรมฟ้าก็จะสว่างแล้ว"

เกียรติพงศ์เปิดเผยว่า "หลังจากแข่งกับจีนเสร็จ นักกีฬาไทยน้ำตาไหลด้วยความดีใจ พวกเราตื่นเต้นมาก แต่ว่าพวกเราก็คุมไว้ได้ ไม่ร้องไห้ เพราะการแข่งขันยังไม่ได้สิ้นสุดลง พรุ่งนี้ก็เป็นนัดชิงชนะเลิศ เขากล่าวว่า "ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งชนะทีมญี่ปุ่นมา แต่ว่าคืนนั้นเราไม่ได้นอน ผมเอาข้อมูลทีมญี่ปุ่น 4 นัดล่าสุดมาวิเคราะห์ดู หาวิธีที่จะเอาชนะเขาให้ได้ แต่ลูกทีมผมตื่นเต้นที่ชนะทีมจีนมาได้จนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เช้ามาผมปฏิเสธการให้สัมภาษณ์จากทุกสื่อ มีสำนักข่าวทีวีรายหนึ่งมาหาแต่เช้า ก็โดนผมปฏิเสธไป ผมบอกว่า "หลังการแข่งขันโอเคไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้คือไม่! สุดท้ายสื่อรายนั้นก็ร้องไห้กลับไป วิธีคิดนั้นง่ายมาก คือ ไม่ต้องการให้ลูกทีมได้รับการรบกวนทางจิตใจและมีสมาธิในการแข่งขัน เช้ามาผมเรียกซ้อม รวมใจให้เป็นหนึ่ง ตอนบ่ายก็เรียกทุกคนมาคุย อธิบายเทคนิคการเล่นอย่างละเอียด ทุกคนเข้าใจว่าแต่ละคนต้องเล่นยังไงบ้าง แล้วผมก็ถามพวกเธอว่า "คุณพร้อมกันแล้วหรือยัง? พวกเธอตอบว่า "พร้อมแล้วค่ะ" ผมก็บอกว่า "ดี งั้นพวกเราไปสู้ให้เต็มที่กัน"

     หลังจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ สื่อไทยหลายสำนักมารุมล้อมทีมนักกีฬา อีกทั้งยังมีสื่อร่วมเดินเท้ากลับไปยังโรงแรมกับนักกีฬาด้วย เกียรติพงศ์เปิดให้สัมภาษณ์อย่างเต็มที่ วันต่อมา เขาก็ประกาศว่า "ทางทีมขอพักร้อน 7 วัน ซึ่งทำให้ลูกทีมดีใจมากเพราะไม่คาดคิดมาก่อน เกียรติพงศ์บอกว่า หลายปีมานี้ นี่คือการพักร้อนครั้งแรก"


    กุญแจสำคัญในการสร้างความฮึกเหิม
  
    ผมรู้ว่า พวกเธอไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ แต่ว่าจิตใจทุกคนแกร่งกว่า พวกเธอรู้ว่าทำไมถึงฮึกเหิม ผมขอบคุณพวกเธอมาก ผมดีใจที่มีลูกทีมที่ีดีมาก ๆ

    4 ปีมานี้ นักกีฬาลูกยางสาวเป็นที่จับตามอง ไม่เพียงแต่ชนะทีมจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือว่าทีมเอเชียทั้งหลาย แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือการได้แชมป์เอเชียถึง 2 ครั้ง นอกจากความคุ้นเคยกันในทีมและประสบการณ์ที่สะสมมาแล้ว จิตใจที่แข็งแกร่งนั้นเป็นสิ่งทำให้พวกเขาเล่นออกมาได้เต็มที่

    เกียรติพงศ์บอกกับนักข่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผู้ชมชอบวอลเล่ย์บอลสาวของเรามาก ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเราทำผลงานได้ดี แต่ว่าพวกเธอนับวันยิ่งแกร่งกล้า ลูกทีมผมบาดเจ็บหลายคน อย่างเช่นอรอุมามีที่ไหล่ขวาอยู่ 3 ที่ ส่วนเบอร์10 และ 12 นั้น มีบาดแผลที่เอวด้านหลังและสะโพกขวา เข่า จนถึงข้อเท้าขวา ทั้งหมดนี้บาดเจ็บรุนแรงมาก เจ็บมาก นอกจากจะบำบัดรักษาแล้ว ก่อนการแข่งขันทุกนัดทางทีมแพทย์และทีมกายภาพก็จะแจ้งสภาพร่างกายและอาการ ทุกครั้ง แล้วก็จะถามแต่ละคนว่าเจ็บยังไงบ้าง พวกเธอก็จะตอบว่า "ไม่เป็นไร" ผมก็จะบอกว่า "ป่ะ งั้นเราไปสู้ให้เต็มที่กัน" หลังจากที่เธอเล่นอย่างเต็มที่ในสนามจนดูเหมือนไม่มีอาการบาดเจ็บ แต่ผมรู้ว่า ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่เจ็บ แต่ว่าจิตใจนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเธอรู้ว่าทำไมต้องฮึกเหิม ผมขอบคุณพวกเธอมาก ๆ ผมดีใจมากที่มีลูกทีมที่ดีมาก ๆ อย่างนี้"

     แต่ทว่า ทัวร์นาเม้นต์นี้ สิ่งที่ทำให้เกียรติพงศ์ดีใจมากคือการเอาชนะญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง เป็นการเอาชนะความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ไปซะหมด เขากล่าวว่า "การแข่งขันเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิกเมื่อปีที่แล้วนั้น อีกนิดเดียวก็จะได้ไปแข่งโอลิมปิกแล้ว แต่ผลการแข่งขันนัดญี่ปุ่น-เซอร์เบีย นั้นดับฝันของพวกเรา สร้างความเจ็บปวดให้พวกเราและคนไทยมาก มีลูกทีมหลายคนอยากเลิกเล่นวอลเล่ย์บอลกันเลยทีเดียว ตอนนั้นผมกลับไทยได้วันเดียวก็ขึ้นเครื่องบินเพื่อบินกลับไปปักกิ่ง ผมอยากไปหาประธาน FIVB เพื่อถามว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าสุดท้ายผมก็สงบจิตใจลง และไม่ได้ทำ ผมเีรียกลูกทีมทุกคนมาคุย ค่อย ๆ ดึงพวกเธอขึ้นมาเริ่มต้นใหม่ให้ได้ ให้มีกำลังใจฮึกเหิม ดังนั้น ชัยชนะเหนือญี่ปุ่นครั้งนี้ เ็ป็นเพราะความกระหายชัยชนะที่ยิ่งใหญ่  พวกเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว"

(ต่อที่ คห.20)

ปล. กำลังค่อย ๆ แปล ใจเย็น ๆ กันนะคะ

แอบแปลกใจนะ
บทสัมภาษณ์ต่าง ๆ มาจากทางจีน - ต่างประเทศทั้งนั้นเลย
อยากให้สื่อไทยมีสกู๊ปข่าววอลเล่ย์เยอะ ๆ 


(ต่อ..)

    การออกไปเล่นลีกต่างประเทศ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

    ผมนำนักกีฬาทีมชาติ 7 คนไปเล่นลีกที่อาเซอร์ไบจัน การเข้ามาอยู่ในสโมสรที่มีมาตรฐานสูงและนักกีฬาที่ดีนั้น ทำให้นักกีฬาได้ประสบการณ์ที่ดีและได้ยกระดับมาตรฐานการเล่นของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น

     ในระหว่างการพูดุคย ถึงแม้ว่าเกียรติพงศ์จะไม่ได้เปิดเผยเคล็ดลับการฝึกสอนทีมลูกยางสาวไทย แต่ทว่า เขาบังเอิญบอกเคล็ดมาอย่างหนึ่ง การออกไปเล่นลีกนั้นนอกจากจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการเล่นแล้วยังเป็นการให้ นักกีฬาพักผ่อนด้วย

     นักตบสาวรูปร่างไม่สูง สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้เอื้อต่อการเล่นวอลเล่ย์บอลมากนัก เขากล่าวว่า "นักกีฬาเหล่านี้อยู่กับผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนี้รายได้ต่อเดือนประมาณ 4-5000 หยวน( 20000-25000 บาท) พวกเธอรูปร่างไม่สูง ไม่ได้ช่วยในการเล่นวอลเล่ย์บอลมากนัก เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของพวกเธอ เปิดโลกกว้าง พวกเราจึงเร่งติดต่อสโมสรต่างๆ ในเอเชีย(รวมทั้งจีน) และยุโรป เมื่อปีที่แล้ว ทีมชาติเราทั้ง 7 คนไปเล่นให้กับสโมสรหนึ่งในอาเซอร์ไบจัน การได้เล่นในสโมสารที่มีมาตรฐานสูงนั้นยกระดับความสามารถและประสบการณ์ของ นักกีฬาได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องด้วย ปีนี้ นักกีฬาเรา 5 คนไปเล่นที่อาเซอร์ใบจัน ในนี้ 4 คนจะได้ร่วมทีมเดียวกันกับเว่ยชิวเยว่ หม่ายุนเวิน และจางเหล่ย"

     ดูเหมือนว่า การออกไปเล่นนอกบ้านนั้นทำให้ทีมไทยพัฒนาขึ้นมาอย่างชัด แต่ว่าในปีนี้เกียรติพงศ์ไม่ได้ตามไปคุมนักกีฬาอีก เขาบอกว่า "ผมต้องอยู่สอนในประเทศเพื่อฝึกผู้เล่นที่ขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ทีมชาติก็เริ่มอายุเยอะขึ้นแล้ว การฝึกผู้เล่นเด็ก ๆ ขึ้นมาใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก"

    บิดาแห่งลูกยางไทย?

     ผมรักวอลเล่ย์บอลมาก 16 ปีมานี้ผมไม่มีครอบครัว ไม่ีมีลูก วอลเล่ย์บอลเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม

     ปีนี้  เกียรติพงศ์มีอายุ 47 ปี  ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมาก็เป็นเวลา 16 ปีแล้ว ตั้งแต่ทีมไทยอ่อนแอจนกระทั่งแข็งแกร่ง จวบจนการได้เป็นแชมป์เอเชียครั้งแรกในปี 2009 และอีกเพียงนิดเดียวก็จะได้ไปโอลิมปิก 2012 จนกระทั่งวันนี้ที่เอาชนะทีมชาติจีนและทีมเหรียญทองแดงโอลิมปิกอย่างญี่ปุ่น จนเป็นแชมป์สมัยที่สอง  ผลงานนี้นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดผลงานหนึ่งในวงการ กีฬาไทย

    ตั้งแต่เขาเริ่มเป็นผู้ฝึกสอน เขาฝึกสอนนักกีฬาระดับเยาวชนและระดับมหาวิทยาลัยมามากมาย เพราะเหตุนึ้ จึงมีสื่อบางสำนักให้ฉายา "บิดาลูกยางไทย" แก่เขา เกียรติพงศ์หวาด ๆ เล็กน้อย เขาบอกว่า "จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้ ผมแค่รักวอลเล่ย์บอลมาก 16 ปีมานี้ผมไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก วอลเล่ย์บอลคือทุำกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผม" แต่ในระหว่างเกมการแข่งขัน เขาเคยพูดต่อหน้ากองเชียร์และชี้ไปยังพวกเขา พร้อมพูดกับนักข่าวเราว่า "พวกเขาคือนักเรียนของผม"

    รูปร่างสูงใหญ่อย่างเกียรติพงศ์นั้น สามารถเห็นได้ชัดท่ามกลางถนนต่าง ๆ ในเมือง ผู้คนทุกเพศทุกวัยนั้นเข้ามารุมล้อมไหว้ขอบคุณเขา รวมทั้งขอลายเซ็นต์ ถ่ายรูป แม้กระทั่งตอนกินข้างกลางวัน ก็ยังมีบริกรมาทักเขา แสดงให้เห็นว่าเกียรติพงศ์นั้นได้กลายเป็นวีรบุรุษของคนไทยไปเสียแล้ว เกียรติพงศนั้นได้แต่ยิ้มรับเลกน้อย  เขายิ้มแย้มกล่าวกับนักข่าวเราว่า "พวกเขาไม่ได้รักผมหรอก แต่พวกเขารักทีมลูกยางสาวไทย"

    แต่วีรบุรุษของคนไทยคนนี้ เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเขาได้กลายเป็น "คนผิด" ในสายตาแฟนลูกยางไทย เกียรติพงศ์กล่าวว่า "ตอนนั้นผลงานเราแย่ หลาย ๆ คนจึงเคลือบแคลงสงสัยในความสามารถของผม พูดกับผมด้วยคำที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่ ผมรู้สึกแย่มาก แต่ว่าผมก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับเขา เพื่อนของผมคนนึงเป็นผู้บันทึกรายการของทีมลูกยางสาวไทยในหลายปีมานี้ (คิดว่าคือ "สู้สุดใจไทยแลนด์" นะคะ)  ต่อมาก็ได้ทำรายการเป็น 3 ตอน สะท้อนให้เห็นถึงสภาพการทำงานของพวกเราตลอด 16 ปีมานี้  ฉายทุกวันศุกร์ พอตอนที่ 2 ฉาย เหมาะเจาะพอดีกับตอนที่เราชนะทีมจีน ทำให้ รายการนี้ดังมาก ๆ ทุกคนก็เลยเข้าใจความหมั่นเพียรของพวกเราตลอดเวลาที่ผ่านมา

    ความยุ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้หัวใจของเกียรติพงศ์มีปัญหา เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แพทย์ได้บอกให้งดเนื้อสัตว์ เหล้า บุหรี่  ทำให้เกียรติพงศ์ที่ทานเนื้อสัตว์ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นั้นเจ็บปวดมาก แต่ในที่สุด เขา็ก็สามารถเลิกได้ระยะเวลา 4 ปีเต็ม เมื่อกล่าวถึงประสบการณ์ตรงนี้ เกียรติพงศ์กล่าวว่า "แทบจะทนไม่ได้เลย แต่ว่าปีนี้หมอบอกผมว่า ตอนนี้สามารถกินเนื้อสัตว์ได้แล้วนะ แต่ยังหัามเหล้าและบุหรี่อยู่"

   ถึงแม้ว่าจะกำชัยชนะเหนือทีมจีนและญี่ปุ่น แต่เกียรติพงศ์ยังกล่าวเกี่ยวกับวงการลูกยางเอเชียและลูกยางโลกไว้ว่า ทีมลูกยางจีนนั้นยังเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เขาบอกว่า "ครั้งนี้เราชนะถือว่าโชคดีมาก ทีมจีนเล่นได้ไม่ดีนัก แต่ว่าพวกคุณมีนักกีฬาที่พร้อมและมีสภาพร่างกายที่ดี และยังมีหลางผิง ผู้ที่เป็นโค้ชที่ดีมากอีกด้วย ดังนั้น ถ้าให้เวลาทีมจีนอีกสักหน่อย ผมเชื่อว่า ทีมจีนก็จะยังคนเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่ดี"



จบแล้วนะคะ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้

*************************

อีกอันหนึ่ง...

เครดิต : คุณ แอ๊ด ปากเกร็ด ณ พันทิป

http://pantip.com/topic/31026142


Coach Kiattipong Radchatagriengkai deserves a lot of credit and love for what he’s done with Thailand’s women’s volleyball team. From being the top team in Southeast Asia to becoming one of the world’s best teams from Asia.
>> ผู้ฝึกสอน เกียรติพงษ์  รัชตเกรียงไกร สมควรได้รับคำยกย่องนับถือและความรักใคร่เป็นอันมากเป็นการตอบแทนสิ่งที่เขา ได้ทุ่มเททำให้กับทีมกีฬาวอลเลย์บอลหญิงของไทย ตั้งแต่การได้เป็นสุดยอดทีมในเอเซียอาคเณย์ไปจนกระทั่งเป็นทีมดีที่สุดในโลก ทีมหนึ่งจากเอเซีย

The 46 year old has accomplished a lot for Thailand Volleyball over the last decade like winning the Asian Championship Crown in 2009, Asian Women’s Club title three times in succession from 2009 to 2011 and finishing 4th at this year’s 2012 Grand Prix In addition, he has also introduced world class players like Tomkom, Onuma, Pleumjit and Wilavan.
>> ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา บุรุษอายุสี่สิบหกปีผู้นี้ได้สร้างความสำเร็จให้กับวงการวอลเลย์บอลของไทย เป็นอันมาก อาทิ ชัยชนะ Asian Championship Crown ในปี 2009, ชัยชนะ Asian Women's Club สามครั้งต่อเนื่องจาก 2009-2011 และการคว้าตำแหน่งที่สี่ในการแข่งขัน Grand Prix 2012 ในปีนี้ นอกจากนั้น เขายังเผยให้ชาวโลกได้รู้จักผู้เล่นระดับโลกเช่น ต้อมคำ, อรอุมา, ปลื้มจิต และ วิลาวรรณ

The Journey เส้นทางที่ผ่านมา

His coaching career started back in 1986 with the Kasetsart University team.
อาชีพการเป็นผู้ฝึกสอนของเขาย้อนหลังไปเมื่อปี 1986 กับการร่วมทีมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

“I learned all about coaching during my time at Kasetsart. At that time, I was a national spiker and also studying there. No coach was available in my university so I decided to help coach my varsity team. After I graduated, I continued to coach the team. My life revolved around volleyball. Aside from Kasetsart University, I also coached the Royal Thai Air Force, Benjamarachanusorn School, Thai Namtip and Bangkok Bank teams.
"ผมได้เรียนรู้ทุกสิ่งเรื่องการเป็นผู้ฝึกสอนระหว่างที่ตอนอยู่ที่เกษตรฯ ตอนนั้นผมเป็นผู้เล่นทีมชาติตำแหน่งตัวตบแล้วก็เป็นนักศึกษาอยู่ที่นั่นด้วย หาผู้ฝึกสอนไม่ได้เลยที่มหาวิทยาลัย ผมก็เลยตัดสินใจช่วยลงมือฝึกสอนให้ทีมของมหาวิทยาลัยด้วย เมื่อจบการศึกษาแล้ว ผมก็ยังคงฝึกสอนให้ทีมต่อไป ชีวิตผมก็วนเวียนอยู่กับวอลเลย์บอลนี่แหละ นอกเหนือจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ผมก็ยังเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมของ กองทัพอากาศ โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ บ.ไทยน้ำทิพ และ ธ.กรุงเทพ

Five years later and having played in the South East Asian (SEA) Games on five occasions, I decided to call it a day. I changed his mind when I was asked to play again to compete in the 1995 SEA Games hosted by Thailand.
อีกห้าปีต่อมาหลังจากที่ได้เข้าแข่งขันใน SEA Games มาแล้วห้าครั้ง ผมก็ตัดสินใจว่าพอกันเสียทีแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อถูกขอร้องให้เล่นเพื่อ ชาติไทยอีกครั้งในการแข่งขัน SEA Games ปี 1995

Finally in 1997, I said goodbye to the national team. I was ready to start my permanent career with the Aeronautical Radio of Thailand.
ในที่สุดเมื่อปี 1997 ผมก็โบกมืออำลาทีมชาติ ตอนนั้นผมต้องเริ่มการงานถาวรกับวิทยุการบินแห่งประเทศไทย

Post-Retirement หลังอำลาทีมชาติ

“Then the Thailand Volleyball Association had offered me a four-year contract to coach the national youth girls team under the National Team for 2001 Scheme. Coaching a national team is very challenging and I accepted without hesitation.
"แล้วสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยได้เสนอจ้างผมเป็นเวลาสี่ปีให้ทำการฝึก สอนนักกีฬาเยาวชนทีมชาติหญิงตามแผนงานปี 2001 การเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมระดับชาติเป็นงานที่ท้าทายมาก ผมตอบรับโดยไม่รีรอ

My girls are young and small-built, while our rivals are always tall and much stronger. Sports science is required to improve our physical fitness and our strength. Psychology is also important, while volleyball data software plus new tactics and techniques are also necessary. To match those rivals competitively, we need speed and a variety of tactics.
เด็กผู้หญิงที่ผมฝึกยังอายุน้อยและตัวเล็ก ทว่าคู่แข่งของเรานั้นสูงกว่าเสมอและแข็งแรงกว่าเรามาก เราต้องการวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายและพละ กำลัง สภาพทางจิตวิทยาก็มีความสำคัญเช่นกัน นอกจากนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือซอฟท์แวร์บันทึกข้อมูลการเล่นวอลเลย์บอล รวมทั้งกลยุทธ์และวิธีการใหม่ๆ การจะต่อสู้ให้ทัดเทียมกันได้กับคู่แข่งเหล่านั้นเราต้องการความรวดเร็วและ กลยุทธที่หลากหลาย

I think coaching is an art as well as a science and a great coach needs to learn all aspects. Much of the improvement that comes with a coach is the level of confidence. I taught them my girls to play confidently. They did well and finished in fifth place at the 1997 World Girls’ Youth Championship in Chiang Mai.”
ผมคิดว่าการเป็นผู้ฝึกสอนนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้ฝึกสอนจะเก่งได้จะตัองเรียนรู้ทุกแง่มุม สิ่งหนึ่งที่ช่วยพัฒนาผู้ฝึกสอนได้เป็นอันมากก็คือการเสริมสร้างระดับความ มั่นใจ ผมสอนให้เด็กๆของผมเล่นด้วยความมั่นใจ เขาทำกันได้ดีและลงเอยด้วยการได้ตำแหน่งที่ห้าในการแข่งขันเยาวชนหญิงชิงชนะ เลิศของโลกเมื่อปี 1997 ที่เชียงใหม่"

The Women’s National Team ทีมชาติหญิง

Kiattingpong, who at 196cm tall towers above his charges, had another daunting challenge ahead: coaching the national women’s team for the first time in 2001. A year later, his team contested two major tournaments – the FIVB World Championship in Germany and the World Grand Prix.
นอกจากตัวของเกียรติพงษ์เองจะสูงตั้ง 196 ซ.ม. ดูอย่างกับหอคอยสูงกว่าลูกศิษย์ที่รายล้อมอยู่ เขาก็ยังมีสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่งรออยู่ข้างหน้า นั่นคือการเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมชาติหญิงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2001 อีกปีหนึ่งต่อมา ทีมของเขาก็ต้องเข้าแข่งขันในกีฬาใหญ่ๆสองครั้ง นั่นคือการแข่งขัน FIVB World Championship ที่เยอรมนี และ World Grand Prix

“To prepare for any world-class tournament, we have to improve four factors. Firstly, physical fitness. We can’t make our players tall as the Europeans, so we have to be faster to cope with the rivals’ fierce attack. Secondly, high-class techniques. We need to reach similar standard as other world-class teams.
"การเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกนั้นเราต้องพัฒนาปัจจัยสี่อย่าง อย่างแรกคือ ความแข็งแกร่งของร่างกาย เราไม่สามารถสร้างให้นักกีฬาของเรานั้นตัวสูงเท่ากับชาวยุโรปได้ ดังนั้นเราต้องทำให้เราเร็วขึ้นเพื่อให้สามารถรับมือได้กับการโจมตีอย่าง รุนแรงจากคู่แข่ง อย่างที่สองคือการพัฒนาวิธีการระดับสูง เราจำเป็นต้องบรรลุมาตรฐานในระดับเดียวกันกับทีมระดับโลกทีมอื่นๆ

Thirdly, psychological training skills. My players must be confident so I taught them to boost their teammates’ morale boost.
อย่างที่สาม ทักษะในการฝึกซ้อมทางจิตวิทยา ผู้เล่นของผมจะต้องมีความมั่นใจ ดังนั้นผมจึงสอนให้เขาช่วยกันเสริมสร้างกำลังขวัญซึ่งกันและกันระหว่าง เพื่อนร่วมทีม

Fourthly, hard training. The harder you train, the better the chances you will succeed. More importantly, have fun with the training, but don’t make fun out of it. They have to give it their all when it comes to any competition.”
อย่างที่สี่ การฝึกซ้อมอย่างหนัก ยิ่งซ้อมหนักขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสจะประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ฝึกไปสนุกไปแต่อยาล้อเล่นเวฃาฝึก เขาจะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเมื่อถึงเวลาไม่ว่าจะแข่งขันอะไร"

Training With Male Athletes การฝึกร่วมกับนักกีฬาชาย

“We have been doing this since 2009. They are women and if they think they are ordinary women, they will play at levels 5 to 7, the levels at which a women’s team always plays. But if you have to play much stronger rivals such as China, you have to come out in full force at levels of 8 to 10. To be that aggressive, you have to train with the male players.”
"เราทำอยางนี้มาตั้งแต่ปี 2009 นักกีฬาของผมเป็นผู้หญิงและถ้าเขาคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงธรรมดา เขาก็จะเล่นที่ระดับ 5-7 ซึ่งเป็นระดับที่ทีมผู้หญิงปกติจะเล่นกัน แต่ถ้าจะต้องปะทะกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่านั้นเช่นนักกีฬาจีน เราจะต้องทุ่มเทเต็มกำลังที่ระดับ 8-10 การจะฝึกให้ทุ่มเทได้โหดขนาดนั้นจะต้องฝึกกับนักกีฬาชาย"

Our top priority is a once-in-lifetime experience in the Olympics. I want that to happen while I am still at the helm of the national women’s team.”
ความเร่งด่วนอันดับหนึ่งของเราก็คือการได้มีประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตใน การลงสนามแข่งขันโอลิมปิก ผมอยากให้สิ่งนี้ได้บังเกิดในตอนที่ผมยังคุมบังเหียนทีมชาติหญิงอยู่"

Thailand might have failed to compete at the 2012 London Olympics BUT we’re hoping and we REALLY REALLY REALLY want to see them flashing their improving volleyball skills and SMILES at the 2016 Olympics in Brazil.
ประเทศไทยอาจจะไม่สำเร็จในการเข้าแข่งขันที่กีฬาโอลิมปิกกรุงลอนดอนปี 2012 แต่เราหวังและเราอยากจริงๆๆๆๆๆอยากจะได้เห็นชาวไทยได้ไปแสดงฝีมือวอลเล่ย์ บอลของตนที่พัฒนารุดหน้าไปเรื่อยๆพร้อมทั้งประกาศรอยยิ้มสยาม ณ กีฬาโอลิมปิกบราซิลเมื่อปี 2016





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น