วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อ. คณิน บุญสุวรรณ >> ไม่ต้องนิรโทษกรรม เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

อังคาร ที่ 24 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2554


ไม่ต้องนิรโทษกรรม เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
คณิน บุญสุวรรณ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศในขณะนั้น
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่า “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ได้กระทำการยึดอำนาจโค่นล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพร้อมทั้งได้ฉีกทิ้ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ให้สิ้นสภาพไปในวันเดียวกัน
จากผลของการยึดอำนาจในวันนั้น ถึงแม้คณะผู้ก่อรัฐประหารจะเรียกตัวเอง และยกย่องตัวเอง จนสูงเกินกว่าจะจินตนาการว่าเป็น “รัฎฐาธิปัตย์” หรือจะสะสมมติตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษ หรือเป็นเทวดามาจากไหน ก็ตาม
แต่ในทางนิตินัย ถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข อันเท่ากับเป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยมิได้เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ
ในทางพฤตินัย ถือว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจมาจากผู้อื่น โดยใช้กำลังทหารเข้าจี้และบีบบังคับ
และในทางทฤษฎีประชาธิปไตย ถือว่าเป็นการ “ปล้นอำนาจ” ของราษฎรผู้เป็นเจ้าของประเทศ
แต่ไม่ว่าจะเป็นผลในทางนิตินัย พฤตินัย หรือทางทฤษฎีประชาธิปไตย ก็ตาม สถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นอกจากจะเป็นผู้ที่ถูกโค่นล้มลงจากอำนาจโดยวิถีทางนอกกฎหมาย แล้ว ยังถูกบีบบังคับและผลักให้ต้องตกเป็นจำเลย เป็นผู้ต้องหา หรือเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาทางการเมือง โดยใช้กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งกฎกติกาหรือกฎหมาย ที่สร้างและกำหนดขึ้นโดยคณะผู้ก่อการล้มล้างรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น
มันเป็นเรื่องแปลก เวลาที่โค่นล้มเขาลงจากอำนาจ ไม่เป็นไปตามวิถีทางของกฎหมาย แต่เวลาจะบีบบังคับให้เขาตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา กลับใช้กฎหมายมาเล่นงานเขาเสียอย่างเต็มที่
เริ่มตั้งแต่ที่มาของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ บรรดาประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ทั้งหมด ล้วนถือกำเนิดมาจาก คมช. โดยได้ออกแบบเพื่อให้จัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ทั้งสิ้น
ตามด้วยบรรดาองค์กรผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น กกต. ป.ป.ช. และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คตส. ก็ล้วนเป็นบุคคลที่ คมช. ได้แต่งตั้งขึ้น หรือแม้แต่ใช้กลไกของรัฐ เช่น ตำรวจ ดีเอสไอ หรืออัยการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้จัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายทั้งสิ้นเช่นกัน
สุดท้าย คือ องค์กรผู้วินิจฉัยกฎหมาย เริ่มตั้งแต่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งขึ้นตามใบสั่งของคณะรัฐประหาร ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี ๒๕๔๙ ซึ่ง คมช. เป็นผู้นำออกมาประกาศใช้ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นฝ่ายตุลาการ แต่ก็ถูกออกแบบและประกอบด้วยคณะตุลาการซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่จะถูกโค่นล้มลงจากอำนาจ หรือแม้แต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งถึงแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของศาลยุติธรรม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าศาลยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลฎีกาได้ให้การรับรองอำนาจรัฎฐาธิปัตย์ของคณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ไปแล้วโดยปริยาย และก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า คนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาอย่างนายชาญชัย ลิขิตจิตตะ ก่อนการรัฐประหารนั้น หลังการรัฐประหาร ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลที่ คมช. เป็นผู้ตั้งขึ้นด้วย
ดังนั้น กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งระบบกฎหมายที่ใช้ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม หรืออีกนัยหนึ่ง อาจพูดได้ว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมและระบบกฎหมายพิเศษเฉพาะกิจที่คณะรัฐ ประหารได้สร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะนั่นเอง
จะเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมตามอำเภอใจของคณะผู้ก่อการรัฐประหาร ก็คงจะไม่ผิดนัก
และด้วยเหตุนั้น จึงอาจจะไม่แปลกที่ผลการตัดสินคดีซื้อที่ดินรัชดาซึ่งส่งฟ้องโดย คตส. จะปรากฏออกมาว่าผู้ซื้อไม่มีความผิด ผู้ขายไม่มีความผิด แต่ผู้ที่เซ็นยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ดินตามกฎกติกาของบ้านเมือง กลับต้องมีความผิดและถูกศาลพิพากษาลงโทษมีกำหนดสองปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าผู้เซ็นยินยอม คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกโค่นล้มลงจากอำนาจและถูกใช้กำลังบังคับให้ต้องตกเป็นจำเลย และผู้ถูกกล่าวหาในหลายคดี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานั่นเอง
เพราะฉะนั้น การที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างเรื่องให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษหลบหนีคดี และพยายามใช้กระบวนการทางการเมืองเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าหากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาล จึงเป็นการฉวยโอกาสใส่ร้ายและทำลายความน่าเชื่อถือของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และใครก็ตามที่ถูกหาว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เพราะอันที่จริง การช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากโทษที่กระบวนการยุติธรรมและระบบกฎหมายที่ก่อกำเนิดโดยคณะรัฐประหาร หลัง ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ พ้นจากความผิดทั้งหลายนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำอะไรผิดและถ้าจะว่าไปแล้ว น่าจะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกระทำ หรือเป็น “ผู้เสียหายในคดีอาญา” ที่คณะรัฐประหารเป็นผู้ก่อขึ้น ด้วยซ้ำไป
ทั้งนี้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกตัดสินลงโทษโดยกระบวนการทางการเมืองนอกกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ได้อ้างอิงระบบศาลและระบบกฎหมายตามปกติ ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะพ้นโทษนั้นได้ ก็ต้องไม่ใช่โดยระบบกฎหมายหรือโดยการนิรโทษกรรม หากแต่ใช้กระบวนการทางการเมืองแบบประชาธิปไตย ซึ่งมีประชาชนเป็นผู้พิพากษา ในลักษณะที่เรียกว่า “หนามยอกเอาหนามบ่ง” หรืออีกนัยหนึ่ง เอาอำนาจประชาชนล้างอำนาจรัฐที่เป็นผลพวงสืบเนื่องจากการรัฐประหาร ซึ่งถ้าการใช้อำนาจประชาชนล้างอำนาจรัฐดังกล่าว ทำได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าประชาชนพิพากษาให้พ้นผิด โดยไม่ต้องมีการนิรโทษกรรม
เมื่อประชาชนพิพากษาโดยผ่านกระบวนการทางการเมืองให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีความผิดแล้ว ต่อจากนั้น ก็ต้องมีกระบวนการที่เรียกว่า “คืนสิทธิทั้งหลายทั้งหมดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เสียไปจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙”
การคืนสิทธิให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่การนิรโทษกรรม และไม่จำเป็นต้องนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำอะไรผิด
ไม่เหมือนกรณีที่ใครบางคนออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารหลายหมื่นนายพร้อมอาวุธ ยุทโธปกรณ์เข้าปราบปรามสลายการชุมนุมของประชาชน จนมีผู้เสียชีวิต ๙๑ ศพ และบาดเจ็บ ๒,๐๐๐ คน เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน และระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เพราะนั่นเป็นความผิดอาญาร้ายแรงตามกฎหมายไทย เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามหลักกฎหมายสากล และเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณผิดศีลธรรมตามหลักศาสนา
เป็นความผิดในคดีอาญาที่มีอายุความถึง ๒๐ ปี ที่สำคัญเป็นความผิดที่ต่อให้เทวดาติดปีกบินลงมาช่วย ก็นิรโทษกรรมไม่ได้
ห่วงตัวเองเถอะ หลุดจากวงจรอำนาจเมื่อไร คงได้รู้ว่า บาปกรรมมีจริง นรกมีจริง
ไม่ต้องไปกลัวหรอกว่า จะมีใครมานิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำอะไรผิด
พวก ที่ร่วมก่อการรัฐประหารโค่นล้มรัฐรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน รวมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการสั่งฆ่าประชาชน นั่นแหละ ผิดเต็มประตู
ผิดอย่างชนิดที่เรียกว่า “ตายไปแล้ว ก็ยังไม่พ้นผิด”

..............................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น