วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ดูคู่กรรมแล้ว บางท่านอาจจะนึกเอาว่า ญี่ปุ่น ใจดีกับไทยมากไป ฤ เปล่า

ดู ๆ มันเป็นเรื่องแปลก สำหรับที่ไม่ค่อยทราบประวัติความเป็นมา

ญี่ปุ่น บุกจีน ทำซะ.... นะครับ เค้าบาดหมางกันมาหลาย ศัตวรรษแล้ว

กับ ฟิลิปิน ก็ย่อยยับพอกัน...

แต่กลับไทย ทำมัย ค่อนข้างประณี ประนอมและให้ความอดกลั่นมาก ๆ

ทั้ง ๆ ที่จะหักเอาเสีย ก็ไม่ได้ยากส์ลำบากอะไร

ต้องย้อนกลับไปดู ความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย - ญี่ปุ่น

นี้คือบทความ เล็ก ๆ เพี่ยงส่วนหนึ่ง ยังมีอีกหลายส่วนด้วยกัน
เช่น ไทย งดออกเสียงประนาม ญี่ปุ่น ในกรณี บุกแมนจูเลีย

********************************************
จากบทความ โดย สรศัลย์ แพ่งสภา

สาวความยืดซักนิดคงไม่กระไร ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมันของไกเซอร์จมธรณีไปตามระเบียบแต่แล้วสามารถลุกขึ้นฮึ่ดฮั่ดฟึ่ดฟั่ดได้อีก คราวนี้มาในมาดเผด็จการเต็มตัว จอมเผด็จการหรือท่านผู้นำ หรือ ฟือเรอห์ คือ "อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์" หนวดกระจุก พาพรรคนาซีปลุกอินทรีย์เหล็กเยอรมัน ขึ้นมาแผ่ปีกผงาดวาดลวดลาย ฟาดหัวฟาดหางหนักขึ้นเป็นลำดับราว พ.ศ. 2475 ศัตรูคู่ศึกเหล่าที่เคยร่วมงานสหบาทา พากันหนาว ๆ ร้อน ๆ

สหายสนิทมิตรคู่ใจของฮิตเล่อร์ ที่มีตำแหน่งเป็นรองฟือเรอห์ด้วยนั้น ชื่อ "แฮร์มันน์ วิลเฮล์ม เกอริ่ง" โลกรู้เขาในชื่อ "จอมพล เกอริ่ง ขุนศึกลุฟวัฟเฟ่" กองทัพอากาศเยอรมันที่สำแดงเดชเผายุโรป ซะเกือบครึ่งทวีป เป็นหัวหอกเปิดสงครามสายฟ้าแลบ (Blitzkreig) และก็เค้าคนนี้แหละเป็นต้นตำรับ กระเบือบิน ยุทธการขีปนาวุธไงล่ะครับ ปล่อยจรวด วี-1 วี-2 ถล่มเกาะอังกฤษ เล่นเอาวิ่งหัวซุกหัวซุนแทบเป็นบ้าเป็นหลัง

เมื่อเกอริ่งได้ยศจอมพลหรือจอมพลอากาศนี่น่ะ กองทัพเยอรมันมีอยู่หลายจอมพลแล้ว อย่างเช่น จอมพล บลอมแบร็ก แบร์นาดี ฟอนพริตซ ไคเตล และอื่น ๆ ต่อมาก็เพิ่ม "รอมเมล" จิ้งจอกทะเลทราย ต่อแถวเข้ามา ว่ากันตามหลักสากล ยศจอมพลถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของกองทัพ ลงเป็นจอมพล ก็จอมพลเท่ากันละ ไม่มีใหญ่เล็กกว่ากัน นอกจากอาวุโส เกอริ่งรู้ทิศทางทำงานถูกเส้นใหญ่ท่านผู้นำ ฮิตเล่อร์ขนาดหนัก ถึงขั้นนอนละเมอหรือเปล่าไม่รู้ได้ ฟือเรอห์เกลอกันอยากสมนาคุณให้จุใจ แต่ยศศักดิ์อัครฐานก็ตันบ้องตื้อซะแล้วที่ยศจอมพล เอาไงดีหว่า ผู้นำเผด็จการนาซีซะอย่าง ต้องซ่าได้ ตั้งยศจอมพลขึ้นอีกขั้นซิวะ ให้มันใหญ่เหนือจอมพลทั้งหลายทั้งปวงประดามี ใครจะทำไม ว่าแล้วฮิตเล่อร์ก็ประกาศตั้งยศ "จอมพลแห่งไร้ช" หรือ "จอมพลแห่งอาณาจักรไร้ชที่ 2" ข้างผมน่ะคิดว่าเรียกว่า "จอมพลแห่งจอมพล" เข้าไส้กว่า แต่จะให้เก๋เท่เข้าท่าเข้ายุคสมัยละก็ เกอริ่งคงจะชอบอันนี้มากกว่า "จอมพล (พิเศษ) แฮร์มันน์ เกอริ่ง" ยังไงๆ "พิเศษ" ก็แพงกว่าธรรมดา
อย่างน้อย 3 บาท ปริมาณและคุณภาพก็งั้นๆ แหละครับ – แฮ่ม แต่ก็สำคัญอยู่ละ สำหรับคำว่า "พิเศษ" ในวงเล็บ ..ตูนี้มิใช่จอมพลธรรมดานะเฟ้ย จะบอกให้

นักเรียนนายทหารไทย ต้องออกจากเยอรมัน ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เมื่อเยอรมันเปิดสงคราม ภายหลังเราประกาศสงครามกับเยอรมัน สิ้นยุคของราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์น ขาดการติดต่อกันไป ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่ออาณาจักรไร้ช ที่ 2 ตั้งตัวติด ไทยกับเยอรมันก็เปิดสัมพันธไมตรีกันใหม่ นาซีฮิตเล่อร์เริ่มเขย่าโลก ไทยส่งนักเรียนออกไปศึกษาที่เยอรมันอีก

กลุ่มแรกไปประมาณ พ.ศ. 2471-72 เรียนด้านนิติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในจำนวนนี้ มี ฯพณฯ ดร. ประกอบ หุตะสิงห์ องค์มนตรี ศ.ดร. หยุด แสงอุทัย พล.ท. อัมพร ศรีไชยยันต์ ล้วนปริญญาเอกทางนิติศาสตร์ทั้งนั้น ทางวิทยาศาสตร์ก็มี ดร. จ่าง รัตนะรัต และอีกหลาย ๆ ท่าน ฯพณฯ ดร. ประกอบ เล่าว่า เคยพบ แฮร์มันน์ เกอริ่ง หลายครั้งในงานเลี้ยงรับรองที่สถานทูตไทย ตอนนั้นยังมียศเพียงระดับนายพล ยังไม่ขึ้นถึงจอมพล หรือจอมแห่งจอมพล ที่ถือคทางาช้าง ทั้งดุ้นสลักเสลาวิจิตร เมื่อพบกันครั้งแรกรู้ว่าเป็นคนไทยก็ดีใจ ครั้งหลัง ๆ ต่อมาพอเจอหน้าเป็นปราดเข้ามาทั้งที่ขณะนั้น เกอริ่ง ใหญ่โตคับเยอรมันจนเกือบกระฉอกออกไปนอกบ้านอยู่แล้วส่วน ดร.ประกอบ กับคนอื่นเป็นเพียงนักเรียนมหาวิทยาลัย

เกอริ่ง ชอบพอรับนับถือคนไทยสนิทใจ ว่ามีนิสัยใจคอโอบอ้อมมีความเป็นเพื่อนแท้ เป็นนักกีฬาและนักสู้ มักจะพูดถึงและถามถึงชื่อเหล่านี้ – พจน์ - น้อม - ชิต – เจริญ - สอาด - ปริ้นซ์นิล - ปริ้นซ์ตรี - ดิ่น - เทพ - จะอะไรซะอีกล่ะครับ เค้ารุ่นเดียวรุ่นใกล้เคียงกัน พ.ศ. 2451-53 เกอริ่ง ถือว่าเป็นเพื่อนสนิท ตอนเรียนสำเร็จบางคนก็อยู่แถวเดียวกันเมื่อเข้าเฝ้ารับพระราโชวาท ไกเซอร์ วิลเฮล์ม ที่ลานพระราชวัง กรุงเบอร์ลิน นักเรียนนายร้อยเยอรมันรุ่นไกเซอร์กลับมาเป็นใหญ่เป็นโต บางคนดังทะลุฟ้าเมื่อ พ.ศ. 2475

เกอริ่งเคยมีจดหมายติดต่อกับเพื่อนเก่าในเมืองไทย เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะในพ.ศ. 2478 ได้เห็นจดหมายของ เกอริ่ง ส่งผ่านสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทยถึง พระอินทร์สรศัลย์ (นายสอาด - บิดาของผู้เขียน) ถามสารทุกข์สุกดิบ และว่าถ้าจะส่งลูกชายซักคนไปเข้าโรงเรียน นายร้อย ก็จะรับจัดการทุกอย่างให้ในเยอรมัน เกอริ่งน่าจะเขียนถึง พลตรีพระศักดาพลรักษ์ ด้วยเป็นอย่างยิ่ง สองท่านนี้สนิทสนมกันมากทีเดียวไม่เขียนมาก็เกินไปละ ทำไมเรอะครับ เดี๋ยวจะว่าให้ฟัง

ผู้ที่ได้รับยศนายทหารเยอรมัน เมื่อกลับมาเมืองไทยแล้วทางเยอรมันยังถือว่าเป็นนายทหารนอกกอง สังกัดหน่วยที่เคยประจำอยู่ คนไทยกลุ่มที่ ขเด็ทเกอริ่ง เอ่ยถึงนั้นมีหลายท่าน มีความสามารถ พิเศษดีเด่นระดับทีมโรงเรียน - ฟุตบอลล์ ยิมนาสติก ขี่ม้า ฟันดาบ ยุคนั้น "ขเด็ทพจน์" (พล.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา) "ขเด็ทเทพ" (พ.อ. พระยาทรงสุรเดช) "ขเด็ทชิต" (พ.อ.พระยาสุรเดชรณชิต) เก่งทางฟันดาบทั้ง เซเบอร์ (SABRE หรือ SABER) และ เอเป้ (EPEE)

เซเบอร์เป็นดาบประเภทใบดาบเล็กมีคม ฟันเอาเซเป็นแผลเบ้อได้ด้วย นอกจากแทงทะลุพุง ใบดาบ สบัดไหวแบบสปริงได้เล็กน้อย โกร่งดาบโค้งหุ้มมือ กติกาการดวลจำกัดให้แทงฟันเป้าเฉพาะลำตัว คู่ต่อสู้เพียงจากระดับเอวสูงขึ้นไปได้เพียงไหล่

เอเป้ ใบดาบเล็กเรียวปลายแหลมใช้แทงอย่างเดียว ไม่มีคม ใบดาบไหวตัวแบบสปริงได้มาก โกร่งดาบทรงกะลา แทงคู่ต่อสู้ได้ไม่จำกัดเป้าหมาย

รู้อยู่แค่นี้ละครับ ผมน่ะเป็นแต่ชักดาบ ไม่เคยฟัน กติกายุคนี้เป็นไงมั่งไม่ทราบจริงๆ ดาบฝึกมันก็ ดาบฝึก จะให้ทั้งแหลมทั้งคมแบบของจริงไงไหว ตานี้คนเยอรมันที่เป็นทหารพระเจ้าจักรพรรดิ น่ะต้องกล้าหาญ ยิ่งมีเครื่องหมายแสดงความกล้าหาญด้วยก็ยิ่งเป็นที่นับถือ กรณีนี้จึงเกิดค่านิยม ในอันจะสร้างแผลจากการต่อสู้ให้ปรากฏแก่สายตาผู้พบเห็นเอาไว้อวดว่า ข้านี่ละวุ้ย นักสู้บู๊แหลก มาแล้ว ยิ่งแผลจากการดวลดาบอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้จะ ๆ ซ่ากรี๊ดอย่าบอกใครเชียว อีสาวขอเดินเคียงทีเดียวละ ขเด็ทบางกลุ่มก็อยากกร่างเหมียนกัลล์

คณะอยากซ่าเค้าเล่นกันยังงี้ครับ ขึ้นแรกไปกะลิ้มกะเหลี่ยกระซิบขอครูฝึกขออนุญาต จะฟันกัน ด้วยความกระสันอยากได้แผลโก้ๆ หรือจะเพราะเป็นคู่อริเหม็นหน้าอยากฟาดกันให้เห็นดำเห็นแดง ก็ไม่ชัด ครูฝึกคนไหนบ๊อง ๆ มีอุดมคติเดียวกันก็มักสนับสนุนสนองตัณหา เอาเล้ย – พระเดชพระคุณจะช่วยดูต้นทางให้ เป็นกรรมการให้- ดวลกันแบบนี้ต้องใช้ดาบเอเป้โดยใช้หน้ากากเปิด หน้ากากฝึก
ฟันดาบปกติเป็นลวดเหล็กตะแกรงถี่คลุมตลอดใบหน้า ส่วนหน้ากากเปิดนี่ป้องกันเฉพาะตาจมูกปาก เปิดโล่งตั้งแต่โหนกแก้มลงมา ส่วนดาบที่ใช้ก็ตัดปุ่มกลมที่ปลายออก คงมีคมพอเฉี่ยวเนื้อหนังเป็นแผล ได้เลือดสมใจ ถึงจะเป็นดาบกึ่งจริง อันตรายมันก็กึ่งจริงเหมือนกัน ฉะนั้นกติกาการดวลต้องเข้มงวด มีพี่เลี้ยงฝ่ายละ 2 คน เอาไว้ช่วยทำแผลหรือคอยฉุดคอยรั้งเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนฟาดหน้าแหก
เกิดยั๊วซี้ดีเดือดเลือดพล่านไม่ยอมลดดาบตามสัญญาณห้าม

สมัยนั้นฝึกฟันดาบในสนามโล่ง ไม่ใช่ในโรงพละ ไม่มีสายผูกเอวจำกัดระยะรุกไล่ ทั้งสองฝ่ายยืน ในท่ายกดาบเคารพ กรรมการบอก "ฟัน" ก็เข้าประดาบทันที ผู้ช่วยกรรมการหรือจะว่ากรรมการจับเวลา ก็ได้ นับช้าจาก 1 ถึง 15 ก็คงประมาณ 15 วินาที บอก "หยุดฟัน" ต้องหยุด แล้วถอยไปยืนในตำแหน่ง เดิมในท่ายกดาบเคารพ กรรมการบอก "ฟัน" ใหม่ จะประดาบกันซักกี่รอบก็ได้ตามใจโก๋ นอกจาก
ใครโดนเข้าเลือดอาบ ก็หยุดโดยปริยาย

เยอรมันเล่นได้ไทยก็เล่นด้วย กลุ่มที่ ขเด็ทเกอริ่ง เอ่ยชื่อมานั่นน่ะ เอากับเขาทั้งนั้น ฝีมือขึ้นแนวหน้าซะด้วย เอเซียอีกชาติหนึ่งที่เยอรมันรับเข้าเรียนนายร้อยก็ คือ ญี่ปุ่น แกเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ด้วย ชื่อ "ฮิเดกิ โตโจ" ชอบประดาบกับ ขเด็ทเกอริ่งและกลุ่มไทย เล่นกับ "ขเด็ท พจน์" และ "ขเด็ท น้อม" แบบยืดเยื้อ เรียกว่าคุ้นกันดีมาก

ที่ว่าแต่แรกว่า เจ้าคุณพหลฯ และ เจ้าคุณทรงฯ สหายสนิท มีฝีมือในเชิงดาบทั้งคู่นั้น เมื่อกลับมา เมืองไทยแล้วก็ไม่ได้ทิ้งกีฬาที่รักนี้ ยังพบปะซ้อมมือกันเป็นประจำ ข้อนี้ผมรู้ดี เพราะเคยเห็น แม้ชั้นยศท่านจะขึ้นไปถึงพันเอกแล้วก็ยังเล่นกันอยู่ในบางโอกาส บางครั้งในกลุ่มนักเรียนเยอรมัน เกิดขัดคอกัน เจ้าคุณพหลฯ มักจะพูดเคยปากสำหรับเพื่อนใกล้ชิดอย่างเจ้าคุณทรงฯ

"ยังงี้มาฟันกับข้าดีกว่าวะ"

ก็แค่นั้น –ไม่มีอะไร เพราะเป็นความเคยชินของท่านทั้งสอง เมื่อมาร่วมกันเป็นหัวหน้าคณะราษฎร เปลี่ยนการปกครองสำเร็จ ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น ความเห็นขัดแย้งก็ต้องมี เถียงกันไปมา เจ้าคุณพหลฯ ก็ยังคงเคยปากอย่างเดิม

"ยังงี้มาฟันกับข้าดีกว่าวะ"

ไม่มีอะไรอยู่ดี คงมีแต่เสียงพูด แต่ผมได้เคยอ่านหลายบทความที่กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง "พระยาพหลฯ กับ พระยาทรงฯ" ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ว่า โต้เถียงรุนแรงถึงขึ้นคว้าดาบไทยไล่ฟันกันรอบบ้าน อะไรไฉนจะขนาดนั้น

กีฬาอีกประเภทหนึ่งที่มีน้อยคนชอบเล่น คือลูกตุ้มเหล็ก เป็นลูกเหล็กกลมแบบกระสุนปืนใหญ่โบราณ มีหูสำหรับจับหนึ่งหู ใช้แกว่ง – เหวี่ยง – โยน – รับ - หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นอุปกรณ์กายบริหาร น้ำหนักมาตรฐาน 7.5 กับ 10.0 กิโลกรัม เล่นคนเดียวก็ได้ ด้วยวิธีโยนรับ หรือเหวี่ยง หรือยก คณะกร่างหาวิธีผาดแผลงจนได้ไม่ต้องห่วง ใช้นิ้วกลางนิ้วเดียวเกี่ยวหูลูกตุ้มเหล็กยกขึ้นยืนตรง – เหยียดแขนตรงขนานพื้น ใครทนอยู่นานที่สุดก็ชนะ หรือจะใช้วิธียกขึ้นลงนับจำนวนครั้งก็ไม่เกี่ยง ให้สนุกกว่านั้นก็โยนรับสลับไปมาระหว่างสองคน รับด้วยนิ้วกลางนิ้วเดียวเกี่ยวหูให้อยู่แล้วพยุงขึ้น เหยียดแขนตรงขนานพื้น เรื่องนี้ ขเด็ทพจน์ บ่เคยยั่น สู้ยิบตาจนนิ้วซ้นมือบวมด้วยลูกเหล็กน้ำหนัก 10.0 กก. ไม่เคยแพ้ใครตัวใหญ่ตัวเล็ก จนเป็นที่เลื่องลือ

บุรุษผู้แก้เซ็งแบบเขย่าโลก ด้วยการเปิด "ไดโตเอะเซนโซะ" สงครามมหาเอเชียบูรพา พาฉิบหายวายวอดกันทั่วรวมทั้งตัวเอง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ประกาศสงครามชื่อ "พลเอก โตโจ" นั้นมิใช่ใครอื่น - ก็ "ขเด็ท ฮิเดกิ โตโจ" ที่ว่ามาเมื่อกี้นี่แหละ

พล.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ไปเยี่ยมญี่ปุ่นเป็นทาง ราชการ พล.อ. ฮิเดกิ โตโจ เป็นนายรัฐมนตรี ดังไปทั้งโลก พล.ต. พระศักดาพลรักษ์ เป็นทูตฝ่ายทหารบก ประจำกรุงโตเกียว

เกลอเก่าเจอกัน – ขเด็ทพจน์ – ขเด็ทโตโจ - ขเด็ทน้อม สะดวกโยธิน ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษากลางยศสูงขึ้นเท่าไหร่สังขารก็ถอยโรยลงเท่านั้น เจ้าคุณพหลฯ ขณะนั้นมีโรคหืดประจำตัว เมื่อมีโอกาส พบกันเป็นการส่วนตัวก็อดรื้อฟื้นความหลังครั้งเบอร์ลินไม่ได้ ขเด็ทโตโจ ท้ายกลูกเหล็กขึ้นมาอีก10.0 กิโลกรัมเท่าเดิม ขเด็ทพจน์เจ้าเก่ามีรึจะยอมแพ้ สู้แค่กระดูกนิ้วกลางเคลื่อน ข้อมือด้วยหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ไม่แพ้ครับ แต่ก็ร้องถึงหมอ ข่าวนี้ดังอีก – พระยาพหลฯ ไม่ยอมเสียเชิง งานนี้ ขเด็ทเกอริ่ง มาร่วมวงอีกซักคนก็จะดี ขเด็ทน้อม คงหายเหงา พล.ต. พระศักดาพลรักษ์ ติดอยู่ที่ญี่ปุ่น จนตลอดสงคราม พร้อมด้วยคุณหญิงและบุตรสาวเล็ก ๆ 2 คน ความเป็นอยู่ในช่วงนั้นแสน จะลำบากยากเข็ญ ขาดแคลนไปเสียทุกอย่าง

ขเด็ทพจน์ เป็น พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ใหญ่ที่เมืองไทย

ขเด็ทโตโจ เป็นพลเอก เป็นนายกรัฐมนตรี ใหญ่ที่ญี่ปุ่น

ขเด็ทเกอริ่ง ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มในอาณาจักรไร้ช ที่ 2 เป็นถึงจอมแห่งจอมพล
หรือจะว่าเป็นจอมพลที่สุดก็คงได้

ขเด็ทเกอริ่ง เป็นคนร่างใหญ่ชอบเล่นอะไรผาดโผนเสี่ยงเจ็บตัว กับเพื่อนกับฝูงก็เล่นรุนแรง นักเรียนไทยตัวเล็กเสียเปรียบ หมอฟัดเอาหนัก ๆ แก้ไม่ตก อีกอย่างคือ ชอบแอบเอาถุงเท้าเพื่อนไปซ่อนแต่งเครื่องแบบไม่ทันก็วุ่นเท่านั้น ถ้าไม่ซ่อนก็เอาไปชุบน้ำให้มันชื้น หนาวยังงั้นคนสวมยิ้มไม่ออกแน่ ขเด็ทเกอริ่ง ขี้โอ่ชอบแต่งกายหรูหราหาเฟอร์นิเจอร์หวือหวามาประดับฝังสมองว่าจะเป็นวีรบุรุษ ฝันแต่ กางเขนเหล็กขึ้นสูงสุด บุญมาวาสนาส่งให้เป็นใหญ่จนได้ในยุคนาซี เครื่องแบบจอมพลของ ขเด็ทเกอริ่ง แกออกแบบของแกเองโดยเฉพาะ เพริดสะใจโก๋ คทางี้เป็นงาช้างทั้งแท่ง สลักเสลาวิจิตร มีความเป็นอยู่โอ่อ่าอยู่ดีกินดีไม่เปลี่ยนแปลง

ที่ว่า ขเด็ทเกอริ่ง ตัวใหญ่เล่นแรงจนดูเหมือนจงใจรังแก ฟาดฟันกันในสนามฝึกละก็พอได้ แต่นี่หมอสนุก ไม่เลือกเวลา บ่อยจนนักเรียนไทยโมโห ขเด็ทเกอริ่ง ถือว่าเป็นการหยอกล้อฐานะเพื่อนสนิท ตานี้ก็หนามบ่งซิครับ ย่กันท่าไหนไม่รู้เรื่องเล่นหนัก ๆ หรือ เรื่องถุงเท้า ขเด็ทน้อม อัดมวยไทย พลั่กเข้าให้ ตามด้วยขวาตรงเต็มปาก โคนนิ้วกลางซนฟันเป็นแผลเบ้อ ตัวใหญ่เท่าใหญ่ไม่เกี่ยง

เกอริ่งฟันหักครับ

จอมแห่งจอมพล แฮร์มันน์ วิลเฮล์ม เกอริ่ง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศลูฟวัฟเฟ่ ถูกถอนฟัน ทันตแพทย์ก็คือ ขเด็ทน้อม - น้อม ศรีรัตน์ - พลตรี พระศักดาพลรักษ์

ผมถึงได้ว่า ขเด็จเกอริ่ง จำชื่อเกลอเก่าไทยได้แม่น

*******************************
















วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

25 มค. 56 ผลการปฏิบัติงานที่สาขาท่าเรือ

ก็ทำงานได้ดี... ครับ...

เงินทองก็ตรงเป๊ะ ตลอดเวลา อาทิตย์กว่า ๆ ที่ปฏิบัติงาน ตรงในระดับ เศษสตางค์เลย และก็ตรงทุกวันที่ปฏิบัติงาน ก็ดีมาก ๆ เลยครับ

ก็น่าจะเป็นแบบ นั้น เพราะ Payment ไม่เยอะ ถ้าเยอะ ก็จะมีเศษที่ปัด ๆ เหลืออยู่มาก

ส่วนที่นี้ ก็จะแลกเงินสด กันมาก และเยอะมาก แต่ลูกค้าก็ดีมาำก ๆ

เพราะคงเป็นลูกค้าจริง ๆ ไม่ใช่ลูกค้ายำ

เค้าจะเขียนมาเลย อะไรเป็นอะไร เท่าไร ยังไง... ดีมาก ๆ เลย

แล้วก็จะแลกเป็นแหนบ ๆ ไปเลย ก็ดีมากเลยครับ...

******************

ส่วนเรื่อง ลงรายการ ไม่ถูกต้อง มีต้องแก้ไข ยกเลิกรายการ
ตลอด อาทิตย์ กว่า ๆ ก็ 2 - 3 ราย เท่านั้น ก็ OK นะไม่เยอะ

******************

ที่ลำบาก ก็คือ เครื่องนับธนบัตร แบบลมดูด เครื่องตั้งพื้นนั้น...

มีเสถียรภาพ ค่อนข้างต่ำ... ปั่นมัน 3 ครั้ง ได้เลขไม่เท่ากันสักครั้ง

ไม่รู้จะพูดอย่างไร...

ถ้าพนักงานเงินขาด นี้ ก็เจ้านี้ละที่เป็นสาเหตุ หลัก ๆ กันเลย

สาขาน่าจะกัดฟัน ซื้อเครื่อง แบบเสียดทาน ดี ๆ ให้ครบชุด น่าจะดีกว่า

เพราะผมใช่อยู่ ปัญหาน้อยกว่า แบบนี้มาก ๆ เลย ( แต่ก็มีบางนะที่ติดแต่น้อยครั้งมาก ๆ )

ไม่ต้องยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช่หรอก มันตกรุ่นแล้ว

เครื่องรุ่นใหม่ ดีนะครับ ไม่ได้แค่นับ ธนบัตร+ตรวจ ธนบัตรปลอมในระดับหนึ่ง

เครื่องรุ่นใหม่ ยังป้องกันธนบัตร ชนิดอื่น แทรกในแหนบได้อีกด้วย

คือตรวจสอบ ชนิดราคา ของธนบัตร ได้ด้วย ไม่ใช่นับแค่จำนวนเท่านั้น

ผมก็แค่เป็นห่วงเพื่อน ๆ พนักงาน เท่านั้น...

********************

ส่วนเรื่องลูกค้าร้องเรียน ผมว่าก็คงไม่มีนะครับ

เพราะปกติผมก็จะสวัสดี หรือไม่ก็ ยิ้มต้อนรับ

แบบ "หมูชวนฝันนะ" 55555

คือ... เล่นงานอะไรผมไม่ได้ ก็จะส่งเพื่อนฝูง มาหาเหตุร้องเรียน

อย่าง กินถั่ว เคลือบที่โต๊ะทำงาน ก็ร้องเรียนว่า กลิ่นมันแรง

พอเค้าเมลมาแจ้ง... ก็มีมา เกลา สำนวน แก้ซะใหม่ ว่าดูไม่สุภาพ อะไรไป

แต่มันร้องเรื่อง "กลิ่นถั่ว" นะ กลิ่นถั่วนี้ มันแรงมากขนาดนั้นเหรอครับ

สำนวนมัน อ่อนไง ก็ต้องมีการ มาเกลาสำนวนซะใหม่

ให้มันดู รุนแรง สมเหตุ สมผล ... ก็ว่าไป

เพราะเท่าที่ระแคะระคาย คนร้องมันเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับ

เทเลอร์คนเก่า ที่ย้ายไป มาเอาคืนอะเไรผม ผมไม่เคยทำอะไรให้ใคร

เงินคุณขาด ทำมัยไม่ตำนิ ตัวเอง เอาแต่โทษคนอื่น...













วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

# ทำบุญ เดือน มค.2556


เป็นเจ้าภาพสร้างกำแพงแก้วอุโบสถ วัดสีหะลำดวน 1 ช่อง













-------------------------
เป็นเจ้าภาพบริจาคสร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถ วัดโพธิญาณรังสี 1 ช่อง













-------------------------
ร่วมบุญ โรงทาน













------------------------
ร่วมบุญ กฐิน ปี 56 วัด อัมพวัน สิงห์บุรี...หลวงพ่อจรัล


















-------------------
ทำบุญวันละ 1 บาท













--------------------
 ร่วมงานปิดทองฝังลูกนิมิตร วัดบุตาเวสน์ จ.บุรีรัมย์













-----------------------
 ร่วมงานผูกพัทธสีมาและปิดทองฝังลูกนิมิต วัดสุราลัย จ.ชัยภูมิ













---------------------
ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบทภาคฤดูร้อน อุโบสวัดนาบุญ













---------------------
ร่วมทำบุญ ผ้าป่า ค่าไฟฟ้าวัดวังดินสอ วันละ 1 บาท













----------------------
ร่วมสร้างพระดินเผาบรรจุเจดีย์ พุทธเมตตาฯวัดป่าหนองไคร้ ยโสธร









































วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

จันทร์ ที่ 14 มค. 56

เอาอีกแล้ว พอเลิกงาน ก็ลงมาสูบบุหรี่ ข้างล่าง...

มีพวก วินมอเตอร์ไซ มาแล้วทำมาให้ช่วย โวยวายว่าโอนเงินแล้วประมาณไม่เข้า บ/ช

ก็ลองให้เช็คจาก เอทีเอ็ม ก็บอกว่า เอทีเอ็ม ไม่ได้อยู่กับตัวอยู่ที่บ้านนอก อืมมม

พอให้เล่าว่าโอนเงิน ด้วยการใส่เงินสดที่ เครื่อฝากเงินสดอัตโนมัติ...

แล้ว ขณะทำรายการ ไปกดยกเลิก แล้วเครื่องไม่คืนเงิน ไม่ออกสลิปให้

*** ตรงนี้ และครับที่มันทะแม่ง ๆ ถ้าไม่ทำรายการมีเงินอยู่ในเครื่อง เครื่องต้องคืนเงิน 

ถ้าทำรายการแล้ว เครื่องต้องออกสลิปให้ มันเป็นกฏตายตัว ***

การอธิบาย แบบนี้แสดงว่า โกหก  
ผมก็สงสัยนะว่า คนพวกนี้ ถูกสนตะพายมาจ้างมา...

แล้วก็ร้องแหกปาก เงินหาย ๆ

ผมก็ช่วยไปแบบแกน ๆ ตามสภาพ เท่าที่ช่วยได้นะแต่ก็นะ มันโกหก

มี สมุด ก็ปรับสมุดไม่ได้เพราะหมึกมันจาง เครื่องไม่รับ

ก็ให้ โทร... ไปคอลเซ็นเตอร์ เช็ค บ/ช คือถ้า มี โอปเรเตอร์รับ ก็ให้เขาดูให้ได้

แต่มัน 5 โมงกว่าแล้ว เป็นระบบ เทเลแบ๊งค์ ก็คงไม่ได้สมัครไว้ ก็ให้ทางปลายทาง

ที่มี ATM กดดูรายการแล้วกัน... ( คือ โกหกมาแบบนี้ ก็บ๊ายบายดีกว่า นะ )

แล้วไอ้ที่แหกปากร้องเงินหาย เงินหายนี้ ....

ผมสงสัยนะ ว่าเงินใครที่มันหาย

ฝากมาท้วงเงินเหรอครับ แบบนี้ผมเจอ บ๊อยบ่อย 
ทำงานสาขา มาหลายปี ก็เจอท้วงแบบนี้ตลอด ไม่ได้หยุดได้หย่อนเลย


ทำมั้ยเหรอ ขึ้นปีใหม่กันมา ก็โดนกันอีกแล้วเหรอ
เมื่อไร จะเลิกเป็นโน้น เป็นนี้ซะที โดนทีไร
ก็มาลงที่ผ๊มมม ทุกที ถ้าจะเยอะซินะ ถึงต้องให้คนมาแหกปากท้วง

อืม... สอบ ๆ ไปเป็น ซุปฯ เป็น สินเชื่อ นะจะได้ไม่เป็นโน้นเป็นนี้
เพราะพอขึ้น ซุปฯ ขึ้นสินเชื่อแล้วก็ไม่ต้องจับเงินจับทอง
แล้วไอ้โรคนี้ มันก็จะหายเองและ โรคนี้ รักษาไม่ยากส์หรอก ว่ามัย








วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ไอ้เรื่องบัตรเครดิต จ่ายบาง ค้างบาง มันเป็นเทคนิคนะครับ

คือ... ปกติเค้าก็จะหาเหตุผลในการส่งคนมาคุมเชิง ประหยัดแรงงานตัวเองไง

เช่น ... ปลอมแปลงธนบัตรต่างประเทศ

คือ.. สมัยก่อน ภาพตัวอย่าง ธนบัตรต่างประเทศ ของ ธ. มันห่วยขั้นเทพ ดูไม่ออกเลย
ว่ามัน หน้าตา รายละเอียดเป็นแบบไหนอย่างไร

ผมก็ไม่หาเอาในเน็ต มาปะในบอร์ด เพื่อเป็นการเผยแพร่ เป็นสื่อในการเรียนรู้ และนำไปใช้งาน

อ้าว โดน เลย....

เป็นผู้มีความสนใจ มีแรงจูงใจ ให้ปลอมแปลงธนบัตรต่างประเทศ

คือ.. พวกมันไปโดนอะไรกันมาแล้ว หาที่ลง กันไง ส่วนผมก็โดนกันไปเรียบร้อย รร. ม....
ไม่มีพวก ไม่มีรุ่น ไม่มีสถาบัน ก็อะไร ๆ ก็ผมมมมม

-------------------------------------

ไปวัดทำบุญ ก็โดน พวกที่รับงานมา ก็มี มาร้องบ่นให้ได้ยินอีก ว่า มันไกลกลับบ้านดึก
ไม่ได้กินข้าวกับลูกกับเมีย...

ผมก็เลยไปค่อยไปทำบุญ ไกล ๆ เพราะไปไกล ๆ ค่าใช้จ่ายมันก็จะสูง
ค่าติดตามมันก็สูงตาม พวกเค้าก็เลยมาพูดออกตัว

พอตามแล้วไม่ได้อะไร ก็จะเลิกจ้าง  ...
ก็ทำท่าจะมาเปิดเผยตัวตนว่านี้นะ มีการจ้างพวกผม มาเล่นงาน มายำ มาติดตามคุณนะ
ต่อหน้านายจ้าง..

นายจ้าง : หาแค่นี้ ก็หากันไม่เจอ
ลูกจ้าง : โห้... ขนาดเมียยังตามหาไม่เจอเลยยย
(ว่าแล้วก็อุ้มลูกมาเดินเตร่ ๆ หน้าเคาร์เตอร์ผม...)

ผมก็นึกในใจ มันจะหาเจอได้ไงฟ่ะ ก็มาหาผิดคน (ไอ้บ้าเอ๋ยยย)

ก็แบล๊กเมล กันกลาย ๆ ก็เลยต้องจ้างกันต่อไป...

คือ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ คนเค้าก็จะได้มีงานทำ

---------------------------------------

แต่..พอหาอะไรไม่ได้หนัก ๆ เข้า ก็ต้องเลิกจ้างโดย ปริยาย
ก็ทำหน้าเศร้าอุ้มลูก มาปิด บ/ช ฝาก ... ผมเห็นแล้ว ก็ให้ส่งสารขึ้นมา

ผมก็เลยหาเหตุให้ต้องจ้างพวกเค้าต่อไง เรื่องของเรื่องมันก็แ่ค่นี้และครับ

จริง ๆ แล้วพวก Payment พวกนี้ ตัดอัตโนมัติได้ เมื่อหลายปีก่อนก็ไปให้เค้าทำ
แต่พอไปทำเค้าก็ว่า ผมเซ็นต์ไม่เหมือน ไม่ทำให้ ก็เลยไม่ได้ทำไว้
ก็เลยเอามาใช้งานเป็นประโยชน์ ได้








วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ศุกร์ 4 มค. 56 เกือบตายยย

ช่วงเย็น ใกล้เลิกงาน อาการเก่ากำเริบ...

เริ่มอ่อนเพลียค่อนข้างแรง แต่ก็ยังพอเดินได้

เริ่มมองอะไรเป็นสีเหลือง แต่ไม่มากนัก เวียนหัวคลื่นไส้

พอมาถึง ท่าน้ำสี่พระยา อ๊วกเลยย อ๊วกไปแล้วก็นึกว่าจะดี

แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น

พอถึงบ้าน ก็ทำไรไม่ได้ ว่าจะคลุกข้าวให้ หมา แมว ก็ อดไป

เพราะว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงมากจริง ๆๆ มาถึงก็ตะกายเข้าห้อง ไปนอนเลย

สงสารหมา แมว มากเลยย แต่มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ 

หลับไป ตอน สัก ทุ่ม เศษ ๆ ตื่นอีกที่ 8 โมงเช้า หลับไป 12 ชม.

ตื่นมาก็ยังเพลีย อยู่มาก ท่าทางจะแย่แน่ ๆ เลย แบบนี้ ...

จำได้ว่า 7 - 8 ปี ก่อน ก็เป็นแบบนี้ ไปนอน รพ. หลายวัน

คือมัน เพลีย หมดแรง มองอะไร ๆ ก็เป็น สีเหลืองจ้าไปหมด

ไม่หิว ไม่กระหาย ปากขม ตรวจอะไรก็ไม่เจอ

แต่หมอคงไม่ได้ตรวจ เรื่องเส้นเลือดหัวใจ คงเห็นว่าอายุตอนนั้นไม่เยอะ

อืมมม ใกล้แล้วซินะ ก็ไม่ค่อยสนใจอะไรมันมากนักหรอก

โรคแบบนี้ ก็ลากสังขาร ไปได้ไม่นานหรอก ก็รู้ตัวดี....









วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

เรื่องรถยนต์... ผมก็ชอบนะ

ใคร ๆ ก็ชอบมีรถกัน ผมก็ชอบครับ... แต่สงสารมัน

บางที่ก็โดนเจาะยาง มันก็โง่ซะจริง จะใช้ตะปู อะไรก็ได้

ดันใช้ ตะปูตอก ล๊อตตาลี่ ที่มันขาย เออ อย่าง ฮาเลย

ก็นะ มีแล้วก็สงสาร อยู่ ๆ ยางก็แข็งซะอย่างนั้น

ขับไป ถึงบ้านปีกนก เจ้งไป 1 คู่ เออยางแบนก็ว่าไปอย่างนะ

แต่อยู่ ๆ ยางแข็ง นี้ มันแปลกพิกล จริง ๆ

************************************
ใคร ๆ ก็มีรถในฝัน ผมก็มีครับ "Bugatti Veyron"

ผมชอบคันนี้เป็นพิเศษ จริง ๆ

คลิปการผลิตรถ "Bugatti Veyron" 

เปิดคลิปดูเลยครับ... มันยอดเยี่ยมทั้งขับเ่ล่น ๆ สบาย ๆ ในเมือง
หรือจะบุกตะลุยในสนามแข่ง ก็สุดยอดไม่แพ้กัน น้อยคันจะทำได้นะครับแบบนี้