วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สงสัยผมจะมีโรคนี้กะเค้าด้วย เข้าเป้าเยอะเลย ไฮโปไกลซีเมีย โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

 ข้อมูล / เครดิต / ตามลิ้งค์นี้ครับ...

ต้องบอกว่า โรคที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอะไรหรอกนะ แต่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบผิด ๆ โดยเรียกเป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า Chronic fatigue syndrome (CFS) หรืออาจจะเรียกว่า โรคไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้ไร้เรี่ยวแรงทำอะไรตลอดทั้งวัน

          มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เรามีอาการไฮโปไกลซีเมียดังที่ว่า ง่าย ๆ เลยก็ อย่างเช่น การบริโภคอาหารจำพวกแป้งขัดขาว น้ำตาล อาหารฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม พิซซ่า หรือขนมหวานมากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทีนี้ ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ลดต่ำลง พอระดับน้ำตาลลดลงไม่เท่าไหร่ เราเกิดรับประทานอาหารจำพวกนี้เข้าไปอีก น้ำตาลในเลือดก็สูงขึ้นมาอีกแล้ว ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมาลดน้ำตาลอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้วลงต่ำสลับกันไปตลอดเวลา ซึ่งเท่ากับว่า ตับอ่อนก็ต้องทำงานตลอดเวลาด้วยเช่นกัน

          นอกจากนั้นแล้ว ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมอันเป็นพิษ ความเครียด ความรีบเร่ง ความยุ่งเหยิงในการดำเนินชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา นอนดึก ก็ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้า เหนื่อยได้ง่าย ๆ และยิ่งใครทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เจ็บป่วยหนักขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว

อาการอะไรบ่งบอกว่าเป็นโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

          ทีนี้ลองมาดูกันค่ะว่า อาการอะไรบ้างที่บ่งบอกว่า คุณกำลังถูกโรคยอดฮิตชนิดนี้คุกคาม โดย อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กล่าวว่า ผู้ที่อาจถูกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคไฮโปไกลซีเมียนั้น จะมีอาการอ่อนเพลียโดยหาสาเหตุไม่ได้ แถมยังนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัว ระบบขับถ่ายทั้งหนักเบาก็รวนเรไปหมด แต่ถึงกระนั้น หากสรุปโดยรวมแล้วยังมีอีกหลายอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ และแพทย์จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ



1.กลุ่มความผิดปกติทางร่างกาย คือ

          อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
          ปวดหัว-เวียนศีรษะ
          นอนไม่หลับ
          เหงื่อแตกบ่อย ๆ
          มือสั่น
          ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
          เป็นตะคริวบ่อย
          เกิดการชักกระตุก
          คันตามผิวหนัง
          หน้าร้อนผ่าวบ่อย ๆ
          มีอาการภูมิแพ้
          มือเท้าเย็น
          เนื้อตัวชาบางครั้ง
          การทรงตัวไม่ดี

2.กลุ่มความผิดปกติของระบบต่าง ๆ คือ

          ท้องอืด ท้องเฟ้อ
          ปากแห้งคอแห้ง
          เบื่ออาหาร
          อยากกินของหวาน ๆ
          หิวอย่างรุนแรงก่อนถึงเวลากินอาหาร
          ถ่ายอุจจาระผิดปกติ
          ถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
          หายใจไม่ค่อยออก
          ปากและลมหายใจมีกลิ่นแปลก ๆ
          หัวใจเต้นผิดปกติ
          เป็นลมบ่อย ๆ
          อ้วน-น้ำหนักเกิน
          กามตายด้าน

3.กลุ่มความผิดปกติทางจิตใจ และระบบประสาท

          รู้สึกเบื่อหน่าย
          ฟุ้งซ่านขาดสมาธิ
          วิตกกังวลโดยง่าย
          ลังเลตัดสินใจไม่ได้
          รู้สึกสับสนปั่นป่วน
          ทนเสียงอึกทึก และแสงจ้า ๆ ไม่ได้
          เบื่อการพบปะเพื่อนฝูง ไม่ชอบเข้าสังคม
          การประสานงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเลวลง
          โมโหง่าย
          ฝันร้ายบ่อย
          ความจำเสื่อม
          มีอาการทางประสาท
          อยากฆ่าตัวตาย

           อย่าง ไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน บางอาการอาจเกิดขึ้นแล้วหายไป แล้วสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดย มีอาการหลัก ๆ คือ รู้สึกเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง ทั้งที่นอนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย อยากนอนตลอดเวลา บางคนนั่งทำงานไปได้ถึงตอนบ่าย ๆ เกิดรู้สึกง่วงเพลียจนอยากหลับเลยทีเดียว แถมยังสมองมึนซึม ปวดเนื้อปวดตัว รวมทั้งระบบขับถ่ายจะมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา ลำไส้แปรปรวน ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็ส่งสัญญาณว่า โรคไฮโปไกลซีเมียกำลังมาเยือนคุณแล้วล่ะ


มาดูแลตัวเองกันดีกว่า

          เพื่อ ป้องกันไม่ให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย หรือใครที่มีอาการดังข้างต้นแล้ว ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่แล้วล่ะ เรามีข้อแนะนำดังนี้

          1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยงดเติมน้ำตาลในอาหาร เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมาก รวมทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด

          2.ปรับ อารมณ์ไม่ให้เครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่นฮอร์โมนอะดรีนาลีน ไปกระตุ้นให้ผนังลำไส้ขับกรดออกมามาก จนเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นแล้ว ความเครียด ยังนำไปสู่โรคต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งยังทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลงอีกต่างหาก

          3.ก่อนนอนไม่ควรทานอาหารหนัก ๆ รวมทั้งดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนผสม เพราะจะทำให้หลับยาก ยิ่งทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น

          4.อย่าเปิดไฟเวลานอน และพยายามอย่าให้มีแสงเล็ดลอดเข้าไปในห้องนอน เพราะจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับ

          5.ฝึกหายใจ หรือนั่งเงียบ ๆ สัก 5 นาที ก่อนนอน เพื่อผ่อนคลายความเครียด

          6.ออก กำลังกายเป็นประจำ สำหรับใครที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ควรออกกำลังแต่พอควร อย่าหนักมากเกินไป เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายทรุดลงไปอีก

          7.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่จะทำให้เครียด ซึมเศร้า และไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเกินไป

          8.ไม่ควรใช้ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท หรือยาคลายเครียด

          9.หากมีอาการเครียดบ่อย ๆ ให้ฝึกทำสมาธิ เพื่อควบคุมจิตใจให้สงบ

          10.พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ อย่าออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยนัก

          11.ในรายที่เป็นมาก อาจต้องปรึกษาแพทย์ และอาจรับประทานวิตามินบีเสริมเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้า

ส่วนที่เป็นตัวอักษรแดง เป็นส่วนที่ผมมีอาการชัดที่สุด

อีกเรื่องที่ ค่อนข้างเป็นปัญหามาก ๆ คือ ง่วงนอนผิดปกติ
จำได้ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไปอบรม อะไรสักอย่าง

ต้องทานอาหารแบบพวกชีวะจิต เลยนะ ต้องกายบริหารอะไรด้วย

พอตอนจะกลับ มันเพลียมาก ๆ มากอย่างไม่เคยมาก่อนเลย

พอ ขึ้นรถ ก็มานั่งคุย ๆ กันกับ พวกสาขาที่มาอบรมด้วย (ตอนนั้นผมประจำอยู่ สนญ.) คุยกันตรงกระได รถทัวด้วย เออ...

คุย ๆ กันอยู่ดี ๆ ผมก็หลับไปซะเฉย ๆ มันหลับขณะกำลังคุยกัน

มันแปลกมากเลยผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

ทุกวันนี้ก็ยัง งง ว่ามัน หลับไปได้อย่างไร













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น