วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โอกาส"ทอง"(จริงๆ):Dow/Gold ratio

โอกาส"ทอง"(จริงๆ):Dow/Gold ratio
เครดิตคุณ...Nexttonothing

ผมเคยนำทองคำแท่งที่มีอยู่ เอาออกมาวางแล้ว “จ้อง”(ใครจะลองทำตามก็ได้นะครับ)
มองซ้ายก็แล้ว มองขวาก็แล้ว พบว่า "มันนอนนิ่งของมันอยู่เฉย"
แต่พอหันมาดู “ราคา” ทองคำกลับเปลี่ยนแปลง
วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ตลอดทุกวัน

จึงขอสรุปเอาง่าย ๆ ตามที่ตาเห็นว่า
“ทองคำไม่เคยเปลี่ยน ราคาที่จะเอามาใช้ ซื้อ-ขาย มันต่างหากที่เปลี่ยน”

-ราคาขึ้น ต้องเอา เงินปึกหนาขึ้น มาซื้อ

-ราคาลง เอาเงินปึกบางลง มาซื้อ

แสดงถึง มูลค่าของเงินที่เปลี่ยนแปลง บางวันแข็ง-บางวันอ่อน(ทองไม่เกี่ยว)

ทำให้เราต้องมองไปถึง “ที่มา” ของเงิน ซึ่งคือ ธนาคารกลางทั่วโลก
ก็พบว่าในอดีต-ปัจจุบัน-ยันถึงแนวโน้มในอนาคต เค้าไม่เคยหยุดพิมพ์
หนำซ้ำมีแต่จะพิมพ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแก้ปัญหาหนี้ และวิกฤตเศรษฐกิจ

หากคุณเข้าใจในพื้นฐานความจริงข้อนี้ ในระยะยาวราคาทองคำจึงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
นอกจาก “ขึ้น” สถานเดียว

ผมเคยบอกกับคนอื่นๆว่า ทองคำจะขึ้นราคาต่อไปทุกปี แม้มันจะขึ้นมาหลายปีแล้วก็ตาม

“เค้าไม่เชื่อ”

ผมเลยบอกใหม่ว่า ค่าของเงินจะเล็กลงๆต่อไปทุกๆปี ปรากฎว่าคราวนี้

“เค้าเชื่อ”

อืมม....มันเรื่องเดียวกันครับ

...............................................................

ในบทความตอนที่แล้ว ผมพูดว่าเมื่อเวลาผ่านไปราคานั้นเป็นตัววัดมูลค่าที่ “แย่มาก”
วันนี้เราจะมาดูกันต่อว่า แย่ยังไง?

จำได้มั๊ยครับ

ตอนทองบาทละ 10000 ครั้งแรกคนบ่นว่า “ทองแพง”
ตอนทองบาทละ 12000 คนบ่นว่า ทองแพง
ตอนทองบาทละ 16000 คนบ่นว่า ทองแพง
ตอนทองบาทละ 19000 คนก็ยังบ่นว่า “ทองแพง” ??

ถึงเวลานี้ คนที่เคยบอกว่า -ทองแพง- นั้นเข้าใจผิด
ที่เข้าใจผิดก็เพราะเค้าใช้ “ราคา” (Price) เป็นไม้บรรทัดวัด "มูลค่า" (Value)ของทอง

ไม่ได้ผิดที่ทองแต่ผิดที่ “ไม้บรรทัด” ราคาที่แพงขึ้นๆ ไม่ได้เป็นการบอกว่า ทองแพง
อย่างที่เข้าใจ เพราะมันก็แพงขึ้นไปอีกตลอด

พอเถอะครับ

วันนี้เรามาเปลี่ยน “วิธีวัด” กันใหม่ดีกว่า

ในเมื่อทองเป็น สินทรัพย์ ชนิดหนึ่ง ผมขอใช้สินทรัพย์อีกชนิดหนึ่ง “วัด” สิ่งนั้นคือ
“ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์” (Dowjones)

คนที่เล่นหุ้นคงรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อคุณซื้อหุ้น = คุณซื้อบางส่วนของกิจการ หุ้นของคุณมีมูลค่าที่แท้จริง
เป็นสินทรัพย์ที่แท้จริง ดีพอจะเอามาใช้วัดมูลค่าของทองคำ
อีกแง่นึงในทางกลับกัน ทองคำก็สามารถเอาไปใช้วัด มูลค่าของหุ้นได้ด้วย

หากคุณไม่เคยเล่นหุ้น หรือ ไม่รู้จัก ดาวน์โจนส์ ไม่เป็นไรเลยครับ คุณแค่รู้ไว้ว่า
ขณะนี้ มันอยู่ที่ระดับ 11,000 จุด (ก็พอ)
ที่จริงเราสามารถใช้ สินทรัพย์ประเภทอื่นวัดก็ได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือ น้ำมัน
แต่ที่ผมใช้ Dow วัดทองคำ เพราะ สองสิ่งนี้ เท่าที่ศึกษา มันสัมพันธ์กันอย่างน่าประหลาดมีวัฎจักรและทฤษฎีรองรับ

ทฤษฎีนี้คือ Dow/Gold Ratio = 1:1

หลักการก็คือ
ไม่ว่า หุ้นดาวน์โจนส์จะขึ้นหรือลงไปอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ไม่ว่าราคาทองคำจะขึ้นหรือลงไปอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
สุดท้ายมันจะกลับมาเท่ากัน (1:1)



วิธีการวัดก็คือ ต้องใช้“ทองกี่ออนซ์” ถึงจะเทียบเท่าดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์
เช่น : คณิตศาสตร์ระดับประถม

ให้ดัชนีหุ้น Dow = 10,000 จุด

ให้ราคาทอง = 1,000$/oz

อัตราส่วน Dow/Gold จะเท่ากับ 10

นั่นหมายความว่า ทอง 10 ออนซ์ มีค่าเทียบเท่า ดัชนีหุ้น Dow


จากกราฟ:ในช่วงปลายทศวรรษที่ 20

Dow/gold ratio เคยขึ้นไปสูงถึงระดับเกือบ 20:1
แต่หลังจากนั้น ตุลาคม 1929 ตลาดหุ้น Dow ร่วงดิ่งเหวเหลือเพียง 35 จุด (เหตุการณ์ Black Monday)
มาชนกับราคาทองคำในขณะนั้นคือ 35$/oz พอดี
ทำให้อัตราส่วนลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 1:1

จากกราฟ :ช่วงทศวรรษที่ 60

Dow/gold ratio ขึ้นไปใหม่ถึงระดับ เกือบ 30:1 ในขณะนั้น
นักเศรษฐศาสตร์ออกมาเตือนให้ระวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแต่ “ไม่มีใครเชื่อ”
เพราะเห็นว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ยุคนี้เป็นยุคใหม่ บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า นาซ่า ส่งคนไปดวงจันทร์
เป็นยุคของ เอลวิส เพรสรีย์ และเดอะ บีทเทิ้ล อันโด่งดัง

แต่วัฎจักรก็วนมาอีกครั้ง

ปี 1980 ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก พร้อมๆกับ ราคาทองที่ทะยานสูงขึ้น จนไปพบกันที่
Dow 850 จุด : ทองคำ 850$/oz

1:1

จากกราฟ : ปี 2000

Dow/gold ratio ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดตลอดกาลมากกว่า 40:1 แต่หลังจากนั้นก็เหมือนเดิม
ตลาดหุ้นเริ่มร่วงจากเหตุการณ์ Dot-com ,วินาศกรรม 9-11 ,ฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์ (Housing bubble)
ในขณะเดียวกันทองคำเริ่มปรับมูลค่าของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ

ปี 2010 จากอัตราส่วนกว่า 40:1 บัดนี้เหลือเพียง 8:1

ผมเฝ้าติดตามอัตราส่วนนี้มาตลอด
จากระดับ 10:1 เมื่อปีก่อน ลดเหลือ 9 จนเหลือ 8 “คล้ายกับการนับถอยหลัง”
มันเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง มันกำลังจะเกิดขึ้นอีก
ราคาทองคำและดัชนีดาวกำลังปรับตัวเข้าหากัน


(อีกครั้ง) หากคุณไม่เคยเล่นหุ้น หรือ ไม่รู้จัก ดาวน์โจนส์ ไม่เป็นไรเลยครับ
คุณแค่ รู้ไว้ว่า
ขณะนี้มันอยู่ที่ระดับ 11,000 จุด (ก็พอ)

:excl: หาก ตลาด หุ้นล่มสลายไปปิดตลาดที่ 2000 จุด ทองก็จะไป 2000$/oz ด้วย

:excl: หากตลาดหุ้นลงถล่มทลาย กว่า 50% ไปปิดตลาดที่ 5000 จุด ทองก็จะไปเจอที่ 5000$/oz

:excl: หรือต่อให้ตลาดหุ้น ไม่ลง ยืนอยู่ระดับ 11000 จุดเหมือนเดิม ทองก็จะวิ่งไปหา ที่ 11000$/oz อยู่ดี

ผมไม่สนว่า Dowjones จะเป็นเท่าไหร่ หรือราคาทองคำจะไปไกลแค่ไหน
ผมรู้แค่ว่า สุดท้าย ตัวเลขสองตัวนี้ มันจะมาเจอกันที่ 1:1



นั่นเป็นเพราะในระยะยาวไม่มีใครสามารถ “กด” หรือ “ปั่น” ราคาตลาด (ไม่ว่าหุ้นหรือทอง)ได้ตลอดไป
เมื่อระบบที่บิดเบือนราคาตลาดอ่อนกำลังลง ของทุกอย่างจะปรับมูลค่าของมันกลับไปสู่พื้นฐานราคาที่แท้จริง

เหมือนกับการ “ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ” ที่พูดถึงเมื่อคราวก่อน ผมสรุปทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
อัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการนั้น “ต่ำกว่าความเป็นจริง”
คำถามคือ แล้วตามความเป็นจริงนั้นควรจะเป็นอย่างไร ? เรามาดูกันต่อครับ

มีองค์กรอยู่องค์กรนึง ก่อตั้งโดย John William มีชื่อว่า “Shadow Government Statistics : SGS”
เค้าคงจะทนไม่ได้ กับการตบแต่งตัวเลข หลายๆรายการจากองค์กรภาครัฐ แล้วนำเสนอ ต่อประชาชนทั่วไป

-อัตราการว่างงานที่ต่ำเกินจริง
-ตัวเลข GDP ที่สูงเกินจริง
-อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินจริง

เหล่านี้ล้วนออกมา สร้างความเชื่อมั่นและภาพพจน์ที่ดูดีให้กับรัฐบาล
แต่ตรงข้ามกับความจริงที่ประชาชนในประเทศต้องเผชิญ
SGS จึงรวบรวมข้อมูลและจัดทำตัวเลข “อัตราเงินเฟ้อ”
ขึ้นมาเอง

จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมาก SGSแค่ยึดหลักการคำนวณอัตราเงินเฟ้อที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน
ก่อนที่ BLS จะมาเปลี่ยนวิธีการคำนวณใหม่
โดยใช้ระบบ CPI’s hedonic adjustments (มั่วราคา)
เข้ามาช่วยคำนวณ (ย้อนอ่านบทความตอนที่แล้ว)
SGS จึงตัดระบบ Hedonic ออกไปเพราะมันทำให้เงินเฟ้อนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง
ปรากฎว่าตัวเลขที่ได้ สูงกว่าของ BLS กว่าเท่าตัว !


เช่น มิถุนายน 2010 ตัวเลข CPI จาก BLS คือ 4.3%

แต่ มิถุนายน 2010 ตัวเลข CPI จาก SGS คือ 8.4%

ตัวผมเองนั้นขอเชื่อถือตัวเลขจาก SGS และไม่ขอเชื่อถือตัวเลข “อย่างเป็นทางการ (Official)”
จาก BLS เพราะการคำนวณของเค้านั้น ไม่แฟร์

เมื่อได้ตัวเลขจาก SGS มาแล้ว แน่นอนครับย่อมต้องย้อนกลับไปเข้าเรื่องของเรา นั่นคือ นำเอาราคาทองคำมาปรับตามอัตราเงินเฟ้อ
ผลที่ได้ก็คือ

:excl: กราฟนี้ปรับตาม BLS เราจะได้ราคาทองที่ประมาณ 2200$ เพื่อให้เท่า 850$ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว



:excl: กราฟนี้ปรับตาม SGS เราจะได้ราคาทองที่ประมาณ 7500$ เพื่อให้เท่า 850$ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว



สรุปแล้วหาก “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
ทองคำมีโอกาสแตะระดับ 7500$/oz และหุ้นดาวน์โจนส์ มีโอกาสร่วงลงเหลือ 7500 จุด เป็นไปตามทฤษฎี 1:1


.......................................


โอกาสมาเคาะประตูหน้าบ้านของคุณ ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเปิดรับมันหรือปล่อยมันผ่านเลยไป
ตัวเลขในวันนี้ ดูเหมือนจะเป็นตัวเลขในจินตนาการ หรือ ตัวเลขแค่ในทางทฤษฎี
แต่ผมก็ได้แสดงให้คุณเห็นแล้วว่า ตัวเลขพวกนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
ด้วยเหตุและปัจจัยเดียวกันกับที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

ผมไม่ได้การันตี ว่ามันจะเกิดซ้ำ แต่ มันมีแนวโน้มมากเหลือเกินที่มันจะเป็นไปได้ และ หากมันเกิดขึ้นอีก
ผมไม่อยากพลาดครับ

โอกาสการลงทุนแบบนี้ ในชั่วชีวิตของคนๆนึง จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากคุณพลาด โอกาส “ทอง”(จริงๆ)ครั้งที่ 1
เมื่อ 30 ปีที่แล้ว(ซึ่งผมก็พลาด) คราวนี้ เราจะไปด้วยกัน
และหน้าที่ของผมคือพยายามสื่อสารและพาคนไปกับผมให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้


เช่นเดิม:ขอให้โชคดีและมีความสุขในการลงทุนทุกท่านครับ


ปล. ยังต้องตามกันต่อนะครับสำหรับตอนหน้า เนื้อหาจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผมเขียนเรียงลำดับจากเบาไปหาหนักอยู่แล้วครับ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น