วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ปากคำ ‘เรื่องที่คุณต้องอ่าน’: ห่ากระสุนในเขตอภัยทาน ความตายหลังยอมแพ้ และศพที่ถูกลากขึ้นรถทหาร

หากตัวเลขผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการ ‘กระชับพื้นที่’ 19 พ.ค. ที่รายงานโดยศูนย์เอราวัณเมื่อวันที่ 20 พ.ค.มี 13 ราย คุณเชื่อหรือไม่ 50% ของผู้เสียชีวิตนี้ถูกฆ่าในวัด และคุณเชื่อหรือไม่ ในจำนวนนี้เป็นหน่วยพยาบาลถึงครึ่งหนึ่งซึ่งถูกฆ่าในขณะช่วยเหลือเพื่อน มนุษย์

แกนนำ นปช.ประกาศขอมอบตัวและให้ประชาชนกลับบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ของวันที่ 19 พ.ค.เพราะทหารเริ่มล้อมเข้ามาใกล้มากขึ้นขณะที่ความสูญเสียชีวิตไร้วี่แวว สิ้นสุด แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์กลับวุ่นวายโกลาหล มีเสียงระเบิด เสียงปืน ทำให้ประชาชนกระเจิดกระเจิงหลบเข้าสถานที่ต่างๆ ขณะที่บางส่วนที่ทยอยเดินทางออกก่อนหน้านั้นสามารถไปลงทะเบียนยังเต๊นท์ของ เจ้าหน้าที่ทหาร และเต็นท์ของกระทรวงมหาดไทยได้ พวกเขาสามารถขึ้นรถบริการไปส่งยังสถานีขนส่งหมอชิต และสถานทีรถไฟบางซื่อ แต่ก็เพียงหลักไม่กี่ร้อยคน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเดินออกมาอีก เจ้าหน้าที่บางคนที่เต็นท์บอกว่า “พวกผู้ชุมนุมไม่ยอมออกมา”

กระทั่งในช่วงค่ำจึงมีรายงานข่าวว่า มีผู้คนที่ติดอยู่ในวัดปทุมวนารามจำนวนมากไม่ต่ำว่าสองพันคน รวมทั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก รวมแล้วหลายพัน โชคดีที่มีผู้สื่อข่าวต่างชาติติดอยู่ที่นั่นด้วย 4-5 ชีวิต และผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งอีก 1 ชีวิต ชะตากรรมเลวร้ายซ้ำซ้อนของพวกเขาจึงถูกบอกเล่า ไม่เงียบหาย หรือถูกมองว่าเป็นข่าวลือใส่ร้ายรัฐบาลของหมู่เสื้อแดง

เขตของวัดปทุมวนารามถูกประกาศโดยหลายหน่วยงานก่อนหน้านี้ว่าเป็น เขตอภัยทาน มีป้าย “เขตอภัยทาน” ตัวใหญ่ติดไว้ด้านหน้าวัดอย่างชัดเจน เราต่างโล่งอกว่าพวกเขาจะปลอดภัยในเบื้องต้น แล้วค่อยคิดหาทางช่วยเหลือในวันรุ่งขึ้น แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ผู้คนเข้าใจ

“เขตอภัยทาน” ไม่ใช่ที่ที่จะได้รับการละเว้น

คนบ้านนอกคอกนา ผู้หญิง คนแก่ จำนวนมากที่ไร้อาวุธ ไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับการละเว้น

หน่วยพยาบาล หน่วยกู้ชีพที่ทำงานเชิงมนุษยธรรม ไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับการละเว้น

ความพ่ายแพ้ทางการเมืองยังไม่ทำให้พวกเขายับเยินเพียงพอ หลายคนถูกซ้ำเติมให้พ่ายแพ้แก่ชีวิตด้วย แม้ ณ นาทีที่ประกาศยอมแพ้แล้ว

แอนดริว บันคอมบ์ นักข่าว นสพ.ดิ อินดีเพ็นเด้นท์อยู่ที่นั่นและได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงที่ขา เขียนเล่าเรื่องราวว่า “ระบุไม่ได้จริงๆ ว่ากระสุนที่โดนขาผมนั้นยิงมาจากตรงไหน และไม่สามารถตอบได้ว่า ทหารยิงกราดไปทั่วอย่างไร้บันยะบันยังด้วยเหตุผลอันใด ลูกปืนที่กราดเข้ามานั้นยิงจากสไนเปอร์หรือพลทหารธรรมดา? ที่ค่อนข้างแน่ใจทีเดียวก็คือว่า กระสุนมาจากฝั่งทหารคงไม่สามารถตอบได้ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทหารยิงไม่เลือก หน้า ทั้งๆ ที่อยู่ในระยะใกล้ผู้คนจำนวนมาก ผู้คนซึ่งเกือบทั้งหมดไม่พกอาวุธ ไม่ได้ทำตัวเป็นอันตราย และได้ออกจากพื้นที่ชุมนุมตามคำขอของทางการแล้ว หากพวกเขามีโอกาสที่จะออกจากตรงนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ก็ทำอย่างนั้นไปแล้ว ทุกคนทราบดีว่า นี่เป็นจุดจบของการต่อสู้ อย่างน้อยก็เป็นจุดจบของขั้นตอนนี้ของการต่อสู้ บรรดาผู้นำระดับสูงสุด ต้องตอบคำถามสำคัญเร่งด่วนหลายประการทีเดียวในกรณีนี้”

“ที่ตลกร้ายก็คือว่า โรงพยาบาลตำรวจตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าวัดเพียงนิดเดียวเท่านั้นเป็นโรง พยาบาลที่ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการยามเกิดเหตุเช่นนี้มานานเป็นเดือน แล้ว ไม่มีใครกล้าหามผู้บาดเจ็บข้ามถนนไปส่งโรงพยาบาลเพราะถนนได้กลายเป็นสนามยิง ปืนไปแล้ว”

สตีฟ ทิคเนอร์ ช่างภาพชาวออสเตรเลีย บอกว่าเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งโดนยิงจากทหารแค่ไม่กี่ เมตรจากวัด

"ผมเห็นกระสุนพุ่งทะลุร่างคนนั้นออกมาจากหน้าอกและคนนั้นก็ล้มลง" ทิคเนอร์กล่าวและว่า เมื่อเขาและพระพยายามจะเข้าไปช่วย พวกเขาก็ถูกยิงใส่

“เก่ง” เป็นหน่วยกู้ชีพอาสาที่อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เขาเป็นแนวหน้าผู้กล้าหาญ คอยฝ่าดงกระสุนเพื่อไปดึงเอาศพ หรือคนเจ็บหนักที่ล้มคว่ำห่างไปไม่กี่สิบเมตรกลับเข้ามา เขาอยู่กับความตาย (ของคนอื่น,คนข้างๆ) และการเสี่ยงตาย(ของตัวเอง) มาตั้งแต่สายวันนั้น กล้องของสื่อมวลชนทุกตัวอยู่หลังแนวทหาร แต่ตัวเขาอยู่หลังแนวผู้ชุมนุม เขาจึงเห็นสิ่งที่เราไม่เห็น มีคนล้มคว่ำคนแล้วคนเล่า เพียงเพราะจะวิ่งเข้าไปเอา “ศพ” ของ “เพื่อน” ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมักจี่ พวกเขาต่างเกรงว่าจะไม่หลงเหลือหลักฐานใดยืนยันความโหดร้ายและการตายของ มนุษย์หนึ่งๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทหารสาดกระสุนใส่ “หน่วยกู้ชีพ” สวมชุดวชิระพยาบาลไม่ให้เข้าถึงผู้ตาย หากแต่เมื่อกองกำลังของทหารเข้าถึง กลับเอาเชือกมัดศพ แล้วลากไปไว้บนรถทหาร

ดูเหมือนมันเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะเชื่อได้ว่าเกิดขึ้นจริง …

มันเป็นเรื่องเล่าซึ่งเขากล้าหาญพอที่จะออกยืนยันในสิ่งที่ตาของเขาเห็น กับผู้สื่อข่าวทีวีหลายสำนักในวัดปทุมฯ ในวันรุ่งขึ้น รวมถึงประชาไท หากจะมีข้อเท็จจริงใดที่เบี่ยงเบนออกไปจากความเป็นจริงก็ขอให้แต่ละฝ่ายนำ หลักฐานข้อมูลออกมายืนยันต่อสู้กัน

เพราะเก่งไม่ใช่เสื้อแดง เขาเป็นหน่วยแพทย์อาสาที่ทำงานมากว่า 10 ปี เขาและเพื่อนๆ เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นรวมถึงคนเสื้อแดงท่ามกลางดงกระสุน ท้ายที่สุดเขาและเพื่อนก็ยังเลือกที่จะ “เสี่ยงชีวิต” อีกครั้งเพื่อช่วยให้คนอื่นได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาเห็น หากจะมีใครที่เราควรนับถือ น่าจะนับรวมพวกเขาด้วย หากจะมีใครที่สังคมต้องร่วมปกป้องจากภัยมืดทั้งปวง พวกเขาก็ควรเป็นหนึ่งในนั้น

เก่ง- หน่วยแพทย์อาสาร่วมใจ

สัมภาษณ์ที่วัดปทุมฯ และโรงพยาบาลตำรวจ
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2553

ทางสยามรวมใจอยู่ที่นู่น ผมก็ประสานว่าเดี๋ยวเราช่วยแล้วกันตรงนี้ เราก็ตัดสินใจออกไปดูคนเจ็บที่ศาลาแดง พอออกไป หน่วยกู้ชีพตรงนั้นไม่มีใครแล้ว มีเป็นผมที่ใส่เสื้อของวชิระพยาบาล ผมเลยตัดสินใจว่าเมื่อไม่ใครออกไปได้ ก็จะลุยออกไปเอง พอลุยออกไปก็พบผู้เสียชีวิต 1ราย ศพแรกของศาลาแดง ร่วงไปแล้ว มี 2 คนเข้าไปช่วย แล้วก็โดนยิง คนที่ 1 ประมาณ 9 โมงเช้า ร่วงตรงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามจุฬาฯ แล้วผู้ชาย 2 คนก็วิ่งเข้าไปช่วย พอวิ่งไปก็ร่วง เป็นประชาชนช่วยกันเองนี่แหละ สรุปตรงนั้นเสียชีวิตไป3 คนที่ 4 ที่วิ่งเข้าไปก็เป็นคนวิ่งหลบกระสุนก็โดนอีก สุดท้ายไม่มีใครแล้วผมเลยตัดสินใจว่าจะเข้าไปเอาเอง พอผมวิ่งเข้าไป น้องคือประชาชนนี่แหละเห็นว่าผมเป็นแพทย์จะเข้าไปช่วยก็เลยวิ่งเข้าไป โดนยิงต่อหน้าผมเลย เข้าอกข้างขวากับแขน แล้วผมก็ลากเข้ามา พอลากเข้ามาเสร็จก็วิ่งเข้าไปใหม่เพื่อจะไปเอาตรงนั้นให้ได้ คนที่วิ่งตามมาก็ร่วง โดนเข้าหน้าอกเหมือนกัน ทุกคนโดนเข้าหน้าอกและหัวทุกคน แล้วก็มีผู้ชายที่เข้ามาเมื่อวานประมาณเที่ยง โดนยิงเข้าศีรษะแล้วก็คอ 3 รายพร้อมกันตรงนั้น น่าจะเสียชีวิต เพราะผมก็ปั๊มหัวใจตั้งแต่ศาลาแดงจนถึงโรงพยาบาล

พอยุติจากตรงนั้น เหตุการณ์ก็คือปกติ จนได้มีการมาแถลงข่าวตอนช่วงบ่าย นายณัฐวุฒิขึ้นเวทีประมาณ 3 โมงเย็น ณัฐวุฒิก็เริ่มให้ประชาชนทุกคนกลับบ้าน ประชาชนที่นี่ก็ไม่ยอมอยู่แล้ว การจลาจลก็เริ่มเกิดขึ้น พอณัฐวุฒิสั่งปุ๊บเสียงระเบิดก็เริ่มดังมาเรื่อยๆ พอระเบิดดังต่างคนก็ต่างไปเข้าวัดบ้าง ตรงนู้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ผมได้เข้าวัดตั้งแต่ 3 โมงแล้วก็วิ่งดูคนเจ็บรอบนอก โรงพยาบาลตำรวจบ้าง บริเวณวัดบ้าง พอเริ่มซักประมาณ 5 โมงเสียงระเบิดก็เริ่มเข้าใกล้เรามาเรื่อยๆ พอ 6 โมงเท่านั้นแหละ ตรงเต็นท์พยาบาลแทบไม่เหลือใครเลย กระสุนน่ะ เราไม่เห็นหรอกนะว่าจะเป็นใครยิงก็ตาม ทุกคนเห็นคนเจ็บ เราเป็นกู้ชีพก็ต้องเข้าไปช่วย พอเราลากออกมา คนที่ลากออกมาก็คือโดนยิงร่วงทุกคน แม้กระทั่งผู้หญิงที่ชื่อเกด ที่เป็นหน่วยแพทย์จากข้างนอกเข้ามาช่วย ก็คือ ยืนทำแผลห้ามเลือดให้อีกคนอยู่ข้างในบริเวณเต็นท์พยาบาลบริเวณวัดตรงนั้น ก็ร่วงนอนเสียชีวิตตรงนั้น ตอนนั้นประมาณ 6 โมงกว่า คือ กระสุนเริ่มสาดเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็บอกทุกคนว่าให้วิ่งเข้าไปในศาลาข้างในให้หมด

เกดช่วยปฐมพยาบาลคนถูกยิง อยู่ที่เต็นท์ด้านขวามือในวัดปทุม? – ใช่ อย่างคนตัวเล็กกว่าจะเสียชีวิตก็ประมาณเที่ยงคืน เขาดิ้นทุรนทุรายมาตลอด

โดนยิงพร้อมกันหมด? โดนพร้อมกันหมดทุกคนตรงนั้น พอคนเข้าไปช่วยก็โดนยิงทุกคน ไม่มีใครสามารถเข้าถึงผู้เสียชีวิต พอจะลากได้เราก็โดน

ระยะเวลาของเสียงกระสุน สาดนานไหม? สองสามชั่วโมง เสียงกระสุนมันรอบ คนแก่บางคนข้างในถึงกับช็อก ด้วยความตกใจและความกลัวที่เขาไม่เคยเจออย่างนี้ และทุกคนก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ผมอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ต้องเอาคนเจ็บทำแผล ห้ามเลือดทุกอย่าง เสื้อผม วชิระเอามาดูได้ เลือดเต็มไปหมด รองเท้าผมเลือดทั้งนั้น กางเกงผมต้องทิ้งเพราะมีแต่เลือด ผมทำงานอย่างนี้ทำด้วยใจ ทุกอย่างที่มีเราต้องห้ามเลือดเขาเท่าที่เราทำได้ เมื่อคืนกว่ารถพยาบาลจะเข้ามาเอาศพที่ 6 ศพตัวเล็กน่ะ ไม่น่าตายเลยนะ น่าจะรอด เพราะผมประสานทั้งศูนย์วิทยุผม ศูนย์เอราวัณ ตำรวจ ทุกอย่าง ประสานทุกอย่างให้เข้ามารับคนเจ็บสาหัสข้างในให้ไวที่สุด สุดท้ายผมก็ให้ทั้งน้ำเกลือ ออกซิเจน ทุกอย่างแล้วไง

ตัวเล็กนี่เป็น นปช.หรือเป็นอะไร? เป็น นปช.นี่แหละ อยู่เต็นท์กาฬสินธุ์ซึ่งใกล้กับเต็นท์ผม เขาก็มาช่วย มาอะไรตลอด สนิทกัน เขาก็ทำด้วยใจ ใช้อะไรเขาก็ทำ จ่ายยา ทำแผล จนมาเมื่อวานเขาก็ยืนช่วยเรานะ ช่วยหยิบอุปกรณ์การแพทย์อะไรทุกอย่าง เขาก็ยังโดน ผมบอกแล้วว่าให้สละเต็นท์เหอะ คนไหนที่เราไปเอาได้เราก็เอา คนไหนเอาไม่ได้ก็ต้องทิ้งแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมา แล้วในที่สุด ผลที่เราได้รับตอบแทนจากที่ช่วยชีวิตคนหลายๆ คนนะ ถามว่าผมเสียใจไหม เสียใจมากๆ ขนาดกินนอนด้วยกันมา แล้วมาเจออย่างที่ว่าคือ หมดกับรัฐบาลชุดนี้จริงๆ ทำไมทำกับเราถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ตรากาชาดเราก็มีติดทุกคน ใส่เสื้อตรากาชาดทุกคน ก็ยังจะยิง กราดยิงตรงนั้นเต็มๆ เต็นท์พยาบาล

จากมุมสูง? วิถีต่ำ เป็นไปไม่ได้ที่ทหารจะอยู่ตรงนั้น ดูแล้วมาจากมุมสูงทุกเม็ด ไม่มีการที่ว่าทหารจะเฝ้าอยู่หน้าประตู เพราะถ้าทหารเข้าไปตรงนั้นเราติดป้ายตัวใหญ่นะ ว่าเขตอภัยทาน เราทำทุกอย่างทุกวิถีทาง ทุกคนตรงนั้นคิดแล้วว่า ในวัดเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว ข้างหน้าเราไม่เห็นทหาร ข้างบนมันมืด ข้างหน้ามันยังมีแสงไฟถ้ามีทหารเราต้องเห็นแล้ว แต่กระสุนมาจากไหนไม่รู้ ทุกคนไม่สามารถหลบวิถีกระสุนได้เลย

ตึกสูงบริเวณนั้น มีอะไรบ้าง พารากอน ฯลฯ ? ผมคิดว่าบนรถไฟฟ้าเป็นไปได้มากที่สุด ขนาดกลางวันที่มองเห็น ประชาชนไม่กล้าออกจากวัดเพราะอะไร เงยขึ้นไปข้างบนเห็นทหารเดิน ทุกคนก็กลัวไง เมื่อเช้าก่อนที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สื่อ จะมา คนของเราก็ออกมาเพื่อหาเสบียงไปแจกจ่ายคนข้างใน ก็ยังมีเสียงปืนจากข้างบนลงมาเลย ประมาณ 7-8 โมง มีคนเห็นทหารบนสกายวอล์ค (รางรถไฟ?) ตั้งแต่เมื่อวาน ทุกคนเห็นหมด จนเช้าวันนี้เราเห็นตัวเต็มๆ ที่เดินเพ่นพ่านตลอด และถือสไนเปอร์ตลอด เห็นเยอะมาก

6 ศพมีใครใส่เสื้อกาชาด? สามคนมีหมดครับ กระทั่งกู้ชีพปอเต็กตึ๊งยังใส่ชุดเลย แม้กระทั่งผมใส่เสื้อวชิรพยาบาลตลอด

ตั้งแต่เก้าโมงที่ทำงานมี คนเจ็บตลอด? มีตายตลอด มีเจ็บเข้ามาตลอดส่งโรงพยาบาลตำรวจทั้งวัน จนยุติเงียบไปได้พักหนึ่งก็เริ่มมีการระเบิดดังฝั่งเพลินจิต ไม่มีตำรวจทหารทางนู้นก็ไม่มีอะไร มีแต่เสียงระเบิด ฝั่งประตูน้ำก็เริ่มขึ้น ฝั่งปทุมวันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเสียงปืนบ้าง พอเริ่มประกาศว่าให้ประชาชนกลับบ้านเท่านั้น ระเบิดดังทุกจุด เสียงปืนเข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนแห่วิ่งเข้าวัด ส่วนที่เหลือบางคนก็วิ่งไปข้างนอกที่อื่น แล้วดังมาตลอด เช้ามันคือส่วนหนึ่ง บ่ายมันมากขึ้นกว่าตอนเช้า จากที่ไม่เคยมีระเบิด ตึกไฟไหม้ก็เริ่มมี จนถึงเที่ยงคืนก็ใช่ว่าจะหยุด ผมกว่าจะได้นอนกันก็ตีสาม หน้าวัดกระสุนหยุดประมาณตีสอง หน้าวัดเราเงียบ แต่ฝั่งปทุมวันก็มีเสียงดังตลอดทั้งคืน กลางคืนผมกับประชาชนข้างในก็คิดถึงคนข้างใน ก็เลยตัดสินใจว่าเราจะมาเอาเสบียงจากข้างนอก ออกไปก็ยังได้ยินเสียงปึงปังอยู่ ทุกคนก็กลัว กลัวมาก

กินอะไร? มาม่า เราต้องคลานออกมาจากประตูวัด คลานมาเรื่อยๆ เพื่อมาหาเสบียงจากข้างนอก ปืนก็ยิงมาตลอด ข้างล่างนี่เราไม่เห็นทหารเลย ส่วนข้างบนก็มืดมาก เขาดับไฟหมด มีแต่ข้างในวัดที่ไม่ดับ (อาจมีเครื่องปั่นไฟ-ประชาไท)

มีเจ้าหน้าที่รัฐมาดูแล ความปลอดภัยไหม? ไม่มีเลย

เมื่อวานมีเคสนึง เด็กวัยรุ่นที่โดนยิงต่อหน้าผม พระท่านช่วยผมลากตั้งแต่หน้ารพ.จุฬาจนถึงตรงสามแยกเฉลิมเผ่า เด็กโดนยิงเข้าหน้าอก ตอนนั้นประมาณสิบโมง พระท่านก็ไม่สนใจอะไรแล้ว แล้วศพที่ 5 ในวัดที่พระท่านสละจีวรให้นั่นเราก็ยกเอาจากหน้าวัดเข้าไป เลือดตรงเต็นท์พยาบาลไม่ใช่น้อย ตรงนั้น 3 คน

เพื่อนเก่งมีสามคน? ใช่ครับ มีหน่วยปอเต๊กตึ๊งคนหนึ่ง เขามาช่วยเพราะบ้านอยู่หลังวัดเข้ามาช่วยทุกวัน ช่วยจ่ายยา ทำแผลเล็กๆ น้อยๆ

ผู้หญิงอ้วนๆคือเกด? – ใช่ เป็นหน่วยแพทย์ที่โรงพยาบาล

เกดสนิทกับเก่งไหม? ทุกคนตรงนั้นสนิทกันหมดเพราะเราอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกันอยู่ตรงนั้น เล่นกันตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจะหยุดงานวันศุกร์ก็จะมานอนที่นี่ตลอดเผื่อถ้ามีคนเจ็บ คนป่วยจะได้ประสานรถเข้ามา อย่างข่าวโรงพยาบาลรับคนเป็นไข้หวัด2009 อันนั้นผมก็เป็นคนประสานไป ปกติเราอยู่กันตรงแยกเฉลิมเผ่า แต่วันนั้นตกกลางคืนเสียงปืนดังขึ้นเรื่อยๆ เราก็ตัดสินใจว่าเข้าไปอยู่ในวัดน่าจะปลอดภัย เพราะเป็นเขตอภัยทาน คงไม่มีอะไรกับเราแล้ว

หน่วยแพทย์ในนี้ มีทั้งหมดสี่หน่วย มีอาร์เอสอาร์ ไนติงเกล ฟาเรด แล้วก็หน่วยผม หน่วยพวกนี้เป็นหน่วยที่เขามาทำให้นปช.เอง แต่พูดตรงๆ ว่าหน่วยพวกนี้ไม่สามารถช่วยอะไรคนได้เลยในเวลาวิกฤตจริงๆ

หน่วยของผมคือหน่วยแพทย์อาสาร่วมใจ เราช่วยตั้งแต่ข้างนอกแล้ว ช่วยตั้งแต่วันที่สิบเมษาแล้ว บางคนมองว่าเราเข้ามาช่วยในนี้เราเป็นเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ไง เราเป็นหน่วยแพทย์

ตอนเช้าผมช่วยไป 6 ศพแล้ว ผมก็พยายามช่วยเต็มที่แล้วนะ ทำงานมา 10 ปีผมทำด้วยใจ ทุ่มเทเพื่อคนมาตลอด

นอกจากนี้มีตัวเล็กเป็นคนกาฬสินธุ์ ปอเต๊กตึ๊ง เกดซึ่งเป็นผู้ช่วยหมออยู่ในโรงพยาบาล ลุงอีกคนหนึ่งเป็นชาวบ้านแกก็วนเวียนช่วยบ้างอะไรบ้าง เพราะเต็นท์อยู่แถวนั้นเหมือนกัน เราจะคุ้นกัน และทุกคนใน นปช.จะเห็นหน่วยพยาบาลของผมทุกคน ใครป่วยเราก็ช่วยเบื้องต้น ใครหนักก็ประสานส่งข้างนอก เพราะตอนนั้นโรงพยาบาลตำรวจยังไม่ค่อยอะไรกับเรา ลุงคนนั้นก็ไม่รู้เป็นยังไง ไม่รู้เสียชีวิตไหม แต่แกทรมานมาก กว่ารถจะเข้ามารับได้ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว มีเอาคนเจ็บออกไป 4 คน แต่มีคนอ้วนคนหนึ่งโดนยิงเข้าสะโพกขวาไม่ยอมออกไปเพราะเขากลัว ผมเลยให้ยาระงับปวด แก้อักเสบ เขาก็ดีขึ้น แล้วเข้ารักษาที่รพ.ตำรวจเมื่อเช้านี้เอง

ทุกคนก็เสียใจ ผมไม่กินข้าวเลย 2 วัน ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าที่ไปช่วยคนแล้วน้องที่ไปช่วยคนแล้วโดนยิงผมก็กิน อะไรไม่ลง

เมื่อคืนลุงคนนั้นที่โดนยิงเข้าข้างหน้า ออกข้างหลัง รู้อย่างงี้ (ทำมือว่ารูใหญ่) ถามว่าทรมานไหม ทรมานมาก ผมต้องหาไม้ 2 แผ่นมาบล็อกหลังไม่ให้กระดูกมันเคลื่อน ผมดาม เฝ้าดูแล อย่างตัวเล็กน่ะ ผมถามใจจริงๆ ว่าน่าจะรอดไหม น่าจะรอดถ้าหมอทุกคนช่วย

แปลว่าหมอไม่ช่วยหรือ? เขาเข้าไม่ได้ เพราะทหารมันไม่ให้เข้าเลย จนผมประสานทุกหน่วย ใช้เวลานานมากกว่าจะเข้ามาได้ จนตัวเล็ก อ๊อฟ ไม่ไหวแล้ว

ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึง ยิงเข้ามาในเขตวัด มันมีอะไร? มีประชาชนของเราได้ยินว่า ทหารตะโกนว่าพวกมึงอยู่ไปก็รกชาติ กูจะฆ่าให้ตายให้หมด สร้างความเดือดร้อน ทุกคนในวัดผมก็ได้แต่ตะโกนว่าให้วิ่งไปข้างในเพราะมันยิงไม่ถึงหรอก มันเป็นป่า มีศาลา มีห้องใต้ดินของศาลาด้วย แต่ด้านหน้ามันเป็นพื้นที่โล่ง

พวกเราไปตะโกนด่าเขาก่อน หรือเปล่า? ไม่เลย (เน้นเสียง) เพราะทุกคนก็ห่วงแต่คนที่โดนยิงก่อนแล้ว

มีปืนยิงสู้ไหม? ไม่มีครับ ของเราไม่มีอะไรเลย มีแต่มือเปล่า

เก่งเป็นเสื้อแดงหรือ เปล่า? ไม่ครับ ผมเป็นศูนย์วิทยุร่วมด้วยช่วยกันที่เข้ามาช่วยตรงนี้ด้วยใจ แล้วก็ทำอย่างนี้มาตลอด ไม่ว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง ผมก็เข้ามาทำหน้าที่โดยไม่ได้แบ่งแยกหรืออะไร ต้องถือว่าผมเป็นอาสาสมัครตรงนี้แล้วทำด้วยใจทุกอย่าง ผมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ตั้งแต่วันที่สิบ คอกวัว ผมก็โดนทหารเอาปืนจ่อหัวนะ ทั้งๆ ที่ใส่เสื้อตรากาชาด ชุดพยาบาลขาว บอกมึงจะเอาศพไปไหน ผมบอกพี่ผมเป็นเจ้าหน้าที่น่ะ มึงอยากยิงกูเลย กูไม่ได้กลัวเลย กูต้องการเอาคนที่นอนพะงาบๆ ดึงออกมาให้เขามีชีวิต กูก็ไม่ได้กลัวมึงยิง กูก็ตาย เขาก็ตาย ก็ไม่ได้กลัวอะไรจากมึงแล้วมาทำอย่างนี้ตายก็คือตาย ต้องการแค่ชีวิตจากตรงนี้ มันก็ชักปืนออก ไม่ยิง มันถอย ผมก็ลากคนนั้นออกมา แต่มาเสียชีวิตข้างนอก เพราะเสียเลือดมาก ก็เหมือนหกศพคราวนี้เป็นรูสามารถมองเห็นหัวใจเขาได้เลย มีสองเคสที่โดนอก ผมอยากรู้ด้วยปืนอะไร ทำไมรูมันใหญ่ขนาดนั้น

ตั้งแต่ทำงานมาเคยเจอหนัก อย่างนี้ไหม? นี่ครั้งที่สองของผม ครั้งแรกสิบเมษา ครั้งที่สองนี่เป็นครั้งที่หนักมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา จากที่อยู่อาสามาสิบปี

ประเมินว่าน่าจะมีผู้เสีย ชีวิตขนาดไหน? ผมว่าเยอะมากๆ ผมไม่ได้ใส่ร้ายทหารนะ แต่สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่ทุกคนเห็น สิ่งที่ทหารทำ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาศพคนตายไป

เห็นกับตาไหม? ใช่

ตรงไหน? ศาลาแดง เข้าไปเราโดนยิง แต่พอทหารวิ่งมากลับเอาเชือกผูกแล้วก็ลากไป แต่เราไม่สามารถถ่ายรูปได้ อย่างที่คอกวัวก็เห็นกับตา ยิงปุ้ง ร่วง แล้วเอาใส่รถทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมข่าวไม่ลงให้เห็นๆ ว่ารัฐบาลเป็นอย่างนี้เหรอ ผมอยู่ตรงนี้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง วันที่สิบผมว่าหนักแล้ว มาวันนี้มันยิ่งกว่า

ศาลาแดงเห็นลากขึ้นรถกี่ ศพ? สี่ครับ ถูกทหารลากขึ้นรถไป ประชาชนที่อยู่ตรงนั้นเห็นหมด

ประมาณกี่โมง? กว่าทหารจะสลายได้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงแล้ว ทหารก็จะวิ่งสลับฟันปลาไปเรื่อยๆ จนถึงบีทีเอสราชดำริ พอถึงตรงนั้นหยุดนิ่งไม่มีเสียงปืน เลยถอนกำลังอาสาทั้งหมด มาอยู่บริเวณวัด ไม่มีเหตุการณ์อะไร พอซักบ่ายสองเริ่มมีเสียงระเบิดฝั่งเพลินจิต ด้านปทุมวันก็เริ่มมีการยิงกัน พอสามโมงกว่าๆ ณัฐวุฒิขึ้นแถลงการณ์มอบตัว เท่านั้นแหละ ระเบิดดังขึ้นทันที หลังเวทีต้องกระจาย ผมเข้าไปเอาเปล ถังออกซิเจน กระเป๋าพยาบาลของผมมาไว้ที่วัดเพื่อช่วยคนเจ็บ หลังจากนั้นก็ออกไปไหนไม่ได้แล้ว ผมต้องอยู่บริเวณวัดและทุกคนก็คิดว่าต้องปลอดภัยที่สุดแล้ว สี่ห้าโมงก็เริ่มแรงขึ้น มันหนักมาก ผมไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ นึกว่าคอกวัวจะเป็นการยุติมากแล้ว แต่พอวันนี้มันหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนสำนักงานตำรวจติดต่อจะมารับประชาชน ตอนเช้าประชาชน ให้ตำรวจมาพูดยังไง ทุกคนจะไม่ออก ถ้าไม่เห็นส.ส.ของพวกเขาเขาก็จะไม่ออก แล้วที่ผมไม่ออกก็เพราะคนยังออกไม่หมดไม่รู้จะเป็นไง แล้วผมก็ห่วงศพ ห่วงศพเพื่อนผมที่ตายว่าจะไปไหนหรือเปล่า ทุกคนก็กลัว ผมเลยต้องอยู่ให้ถึงที่สุด จะเป็นจะตายยังไงผมก็จะอยู่ตรงนั้นแหละ

--------------------------
ผู้เสีย ชีวิตบริเวณวัดปทุมวนาราม มี 6 ศพ ทราบชื่อภายหลัง ดังนี้

1. นายวิชัย มั่นแพ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 7 ต . กระทุ่มล้ม อ . สามพราน จ . นครปฐม

2. นายมงคล เข็มทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/24 แขวงและเขตปทุมวัน กทม เป็น เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง กระสุนทำลายปอด หัวใจ และตับ


3. นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 11 ต . โพนทราย อ . โพนทราย จ . ร้อยเอ็ด เป็นนักศึกษาพึ่งเรียนจบ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


4. นางกมลเกด อัคฮาด เจ้าหน้าที่อาสาของสภากาชาดไทย ถูกยิงเข้าที่ศีรษะทำให้สมองถูกทำลาย อายุประมาณ 40 - 45 ปี ซึ่งเป็นอาสาพยาบาล เสียชีวิตภายในเต็นท์พยาบาล


5. นายอัครเดช ขันแก้ว ชาว ต.หนองผือ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งถูกยิงเข้ามีที่ศีรษะ ทำให้สมองถูกทำลาย


6. เป็นชายไม่ทราบชื่อกระสุนทำลายปอดและหัวใจ

หมายเหตุ
นายประสาท ภิมเภา ผู้ใหญ่บ้านหนองผือ อ.เขาวง กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้ที่นำรถลงมารับศพนายอัครเดช ขันแก้ว กลับมาประกอบพิธีศพที่บ้าน ได้แจ้งเพิ่มเติมกับประชาไทว่าภายหลังจากที่เขาและคณะได้ไปรับศพผู้เสีย ชีวิตที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แล้วจึงได้พบว่าในใบชันสูตรได้ระบุสาเหตุการตายของนายอัครเดชว่าเสียชีวิต เนื่องจากศีรษะกระทบกับของแข็ง คณะที่มารับศพจึงได้โต้แย้งไปว่าเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทางโรงพยาบาลจึงแก้ไขให้เป็นการเสียชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ โดยกระสุนทะลุออกบริเวณแก้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น