วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อวสาน ชีวิตปลาทู จากนาย JIMBO สู่คนขับรถ TAXI (ตอนที่1)

จากตอนที่แล้ว http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=824493
ผมก็แฮปปี้ดีและสานฝันผมเป็นที่เรียบร้อย อยากเป็นพ่อค้าปลาแช่แข็งและผู้นำเข้าปลาทูก็ ได้เป็นแล้ว รายได้ดีสะอีก 2 วัน 8 หมื่นบาท

ผมขายปลาทูนึ่งที่แผง วันละ 200 กว่าโล ขายที่ตลาดนัด อีก 200 กว่าโล กำไรหรอ อิอิ วันนึงเกือบ 2 หมื่นบาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว รวม กับที่ขายปลาแช่แข็ง เฉลี่ยวันละ 40000 บาท รวมๆรายได้ผมวันละ ประมาณ 6 หมื่นบาท เดือนละเท่าไหร่พี่น้อง คิดไม่ออกนะ อิอิ เมียขายปลาที่แผง ผมวิ่งปลาแช่แข็ง ทำอย่างงี้ประมาณ 18 เดือน งานเข้าเลยพี่น้อง งานเข้าอย่างแรงเลยละ

ลีลาอีกแระนายจิม เดวป้าด...ตบกบาลแยก ด้วยความที่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ขับรถขึ้นล่องบ้าง ไล่ตามปลาตามจังหวัดต่างๆบ้าง บางครั้งขับรถลงใต้โดนตำรวจซิว โดนบ่อยสะด้วยบริจาคเบี้ยบ้ายรายทางประจำ ติดต่องานทางใต้บางครั้งก็คุยกันรู้เรื่อง คุยกันไม่รู้เรื่องก็บ่อยไป ทำไงดีละนายจิม ติ้กต้อก...เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ และแล้ว ปิ้งปั้งขึ้นมา

พี่น้องใต้ คนใต้ นิยมพรรคปชป..อ้าได้ทีเลย เหลืองเนียน ปฏิบัติการทันใด ผมไปหาลุงผม ขอบอกก่อนลุงผม เป็นถึงผู้อำนวยการเลือกตั้ง จังหวัดนนท์เชว ของพรรค ปชป ตำแหน่งที่ปรึกษา นายกชวน นะครับ

ลุงครับ...ลุง เออว่ามา มีไรละ ลุงผมขอสติคเกอร์ติดรถของพรรคปชป หน่อยซิ ครับ เอาหลายๆอันนะครับ อันใหญ่ๆเท่าหม้อแกงแลยยิ่งดี ลุงผมถามว่า วันนี้เอ็งเป็นไรไปวะ จะเปลี่ยนสัญชาตหรอ ทุกที ข้าฯเห็นบ้านเอ็ง...บ้าพรรคประชากรไทยเข้ากระดูก เกลียดพรรค ปชป เข้าไส้ แหมลุงก็ ของมันเปลี่ยนกันได้ คิดไรมากละ แล้วจะให้ไหมละ ลุงผทเริ่มรู้ทัน..เอ็งจะไปไหน จะไปใต้ละซิ เห็นได้ข่าวค้าปลาทางใต้ไม่ใช่หรือ

แหะๆๆๆๆ ผมหัวเราะแห้งๆพร้อมเอามือลูบกบาล นึกในใจรู้ทันกูอีกแหะ ถ้าเอ็งจะเอาครบสูตรนู้นเลยไปหา น้าชัยฯ เอ็งนั้นไป เค้าได้เมียภูเก็ต ไปปรึกษาเค้านั้นไป เมียเค้าเพื่อนเลิฟ กับ อัญชลี วานิชเทพบุตร ว่าแล้วลุงผมก็ให้ สติกเกอร์พรรคปชป อันเท่าหม้อแกง มา4 แผ่นนะ ผมมิรอช้ารีบติดต่อน้าชาย เล่าปัญหาให้ฟัง ขออกกตัวนิดนึง ทั้งลุงและน้าเป็นลูกพี่ ลูกน้อง กับแม่ผม ไม่ใช่คลานตามกันมา น้าบอกว่าเอาอย่างงี้ซิ เพื่อไม่ให้ถูกตำรวจกวน ค้าขายคล่องในภาคใต้ เอาสติคเกอร์นี่ไปยาวหัวรถท้ายรถเลย แต่เอ็งทำใจติดได้หรือป่าว ป้ายไรหรือน้า น้าชายรีบเอาออกมา สติคเกอร์เขียนว่า”ขอสนับสนุน ท่านอัญชลี วานิชเทพบุตร “ อ้ายหยา แรงสะไม่มี กูจะทำใจติดได้ไหมนี่

ไม่เป็นไรวุ้ยส์ เพื่อปากท้องและความสะดวก ว่าแล้วก็แองงิ้ว อย่างแรง เดี๋ยววุ้ยส์ไอ้โบ้ ไรละน้า...เอ็งไปติดต่อเสือ......บอกชื่อไม่ได้ ที่บางโรง อำเภอถลาง ภูเก็ต เป็นหนึ่งในทีมคดีโกโหลน เอ็งไปหาเค้าลากเค้าไปด้วย พวกอันธพาลมันจะได้ไม่กล้ากะเอ็ง เดวไอ้เสือ.....ยิงไส้ทะลัก ว่าแล้วน้าชายก็ยกหูโทรทันใด ให้เบอร์โทรผมเสร็จสรรพ ผมรีบแองกิ้ว อีกครานึง จุฟฟฟ น้าชัยฯ

ผมล่องใต้ อ้ายหยา.....ทางสดวกเลยคร้าบพี่น้อง ตำรวจตั้งด่านเพียบ ผมเหยียบประมาณ 120-180 กม/ชม คันอื่นถูกสอยเรียบ ของผมพี่ตำรวจตะเบะอย่างดี ไปเล้ยๆๆ ยันต์ ปชป ขลังดีวุ้ยส์

ปุเลง ปุเลง มายัน อีก 5 กิโล ถึงสะพานรักสารสิน ดูกระจกหลัง อ้ายหยามีมอร์ไชค์ตามตูดมาวุ้ยส์ เปิดไฟให้แซงก็ไม่แซง ถนนตอนนั้นเป็น2 เลน ผมขับความเร็วสุงไม่ได้ ทำไงดีหว่ามันจิกตูดเราไม่ปล่อย ใครตามมายิงกบาลกูป่าววะเนี่ย ในสมองเริ่มคิด จะทำไงดีหว่า อ้อ นึกออกแระเราต้องเข้าที่ชุมชน ได้การแระ ผมรีบขับให้ถึงสะพานสารสินเร็วๆ ใต้สะพานมีท่าเรือ ชือ ท่าเรือฉัตรชัย ได้การแระเลี้ยวขวับทันใด อะอะ มันไม่เลิกตามวุ้ยส์ จิกตูดไม่ปล่อย มันเลี้ยวตามแหะ ทำไงดีหว่า? โอว พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก

มีคนกำลังเดินกันขวักไขว่(เค้ากำลังซื้อขายปลากันอยู่) ผมเอามือกำด้ามปืนทันใดปลดเซฟปืนที่ซุกไว้ในรถ ได้การแระฝ่าฝูงชนเลยเรา แล้วเบรคจ้าก....ตรงนั้นเลย มันไม่เบรค แต่มันแซงผมนะ มันหยุดกึก ตรงกระจกข้างผม ณ. วินาทีนั้น ผมควักออกมาเลย เมื่อยนิ้วแล้วละพี่น้องพักก่อนคร้าบ
เดี๋ยวๆๆๆพี่.......มันยกมือไหว้ผมแหะ อะไรวะขับรถตามตูดกูน่าสงสัยแล้วมายกมือไหว้กู มึงจะเอาอะไร ผมถามมันเชิงตะคอก

พี่รถเครืองหาเสียงไปร่วมด้วยเค้าให้เท่าไหร่ละพี่......มันถามผมแหะ ผมเลยด่ามันกลับก่อน ทีหลังมึงอย่าทำอย่างงี้อีกหาเรื่องกบาลเป็นรูมั้ยละมึง

ไม่รู้โว้ยแต่เดี๋ยวถามให้ ข้าฯจะไปที่ศูณย์เลือกตั้งในเมืองเอาเบอร์โทรมาเดี่ยวโทรบอก อย่าขับรถตามกูอีกละ กูมันคนขี้ตกใจง่ายพรวดพราดมากบาลมึงเป็นรูมาโทษกูไม่ได้ ว่าแล้วมันก็รีบยกมือขอบคุณผมหลายๆๆ

ตรงนั้นทำให้ผมสังเกตุเห็นการค้าขายปลาที่นั่น ที่นี่แปลกแหะวบ้านขนปลาใส่ท้ายรถเครืองมาขายที่ท่ากันเป็นจำนวนมาก ปลาทูงี้สวยแบบไม่เคยเห็นจากที่ไหน ตัวเงาวับ ท้องหนาตึบเลย ถูก้องตามเบญจกัลยณี กประการ ได้การแระ เราจะต้องทำยูเนี่ยนปลาทู เราต้องไปหาไอ้เสือ...นั่นก่อน ผมขอตั้งชื่อเสือตนนั้นว่า เสือเหลือง ละกัน เพราะแก ปชป จ๋า

ไปถึงบ้าน พี่เหลือง เล่าให้ฟังวัตถุประสงค์ของเราว่าจะมาหาซื้อปลาเพื่อทำปลาแช่แข็งส่ง กทม มีปัญหาอย่างไร แกต้อนรับขับสู้อย่างดี ไปเอาปลาดโปะมาให้กิน แถวบางโรง มันติดทะเล และมีท่าเรือไปเกาะยาว เกาะเจมสืบอนด์ เกาะมันนอก มันใน ไปใช้บริการได้ ที่นั่นมีฟารืมหอยนางรมด้วย อิอิ เดวนอกเรื่องมาก

พี่เหลืองแกกำลังตกงาน แกเลิกอาชีพ ยิงกบาลคน นับจากคดีโกโหลน สิ้นสุดลง ผมเลยบอกแกว่า พี่เหลืองพี่มาทำงานกับผมป่าว ย่าเข้าใจผิดว่าผมให้พี่ไปยิงกบาลใคร ผมให้พี่มีอาชีพนึ่งปลาขาย และคอยเก็บปลาส่งผม โอเคมั้ย ? แกรีบตอบรับทันที นิสัยคนใต้ข้อดีคือปากหมา พูดตรง ยกเว้นพวกใส่เสื้อนอกในสภา
ผมจัดแจงวางแผนงานระบบเหมือนคราตอนที่ผมให้เพื่อนผมที่อ่าวลึกมันทำ ว่าแล้วแกก็เดินทางไปกับผมดชวตัว ไปรอบๆใต้ฝั่งตะวันตก ไปที่บ้านบากัน กระบี่ไปหา นักเลงคนที่ยิงปืนไล่ผม แหะๆๆๆๆ พี่ไม่บอกผมนี่ว่าพี่เป็นเพื่อนกะพี่เหลือง พี่เหลืองหวัดดีคร้าบ พะเหลืองบอกเอ้ย นี่น้องกู มึงอำนวยความสดวกให้เค้าด้วย

จุดไคลแม็กซ์ลางร้ายผมเริ่มจากทริปนี้แระ ยันต์พรรคปชป พาความซวยมาหาผมแน่ๆๆ

เพื่อนผมจัดแจงซื้อปลา พี่เหลืองแกช่วยผมซื้อปลาที่ย่านภูเก็ต และทีทับละมุ แถวซึนามิ น้านแหละ แช่ฟรีซเสร็จสรรพ จัดแจงติดต่อรถห้องเย็นเรียบร้อย กลับกทม พอรถวิ่งมาระหว่างทางผมขับรถผมคุมรถห้องเย็นมาด้วย ฝนตกหนักมากในครานั้นพอเลยขชุมพรมาหน่อย รถติดมากไม่ขยับเลย มันเกิดอะไรหว่า

จอดนิ่งสนิทเลยครับ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ฝนก็ตกรถก้ติดหิวก็หิว ทำไงดีละ เปิดวิทยุท้องถิ่นฟัง อ้ายหยาเค้าบอกว่าฝนตกหนักให้ระวังน้ำป่า ทางขาด แล้วอาจมีดินถล่มด้วย ขอย้อนนิดนึงปกติผมเป็นคนไม่ชอบฟังวิทยุท้องถิ่นมันร้องแต่เพลงไทยนะ ผมชอบเพลงฝาหรั่งเลยเปิดเทปเอา ร้องจนไมเคิลแจ้คสัน เจ็บคอทีเดียว

ขยับนิดนึงแหะโชคดีวุ้ยส์เรา หนอยขยับสัก 500เมตรแค่นั้นเองมันอะไรของมันหว่า นาฬิกาข้อมือติ้กต้อกบอกเวลาบ่ายสอง แล้วนี่เราจะถึงกทม เมื่อไหร่ละเนี่ย พวกที่นัดเอาปลาไม่บันลัยหมดหรือ ว่าแล้วยกหูโทรศัพท์ โทรบอกว่าบางทีเราอาจไปสายเดี๋ยวค่อยโทรบอกอีกครั้งนึง แกรกๆๆ แกรกๆ เงียบจากเครืองโทรศัพท์ มันอะไรวะเนี่ย กดอีก แกร้กๆๆ แกรก บันลัยซิ โทรศัพท์ไม่มีส้ญญาน

ผมติดตรงนั้นยัน 2ทุ่มไปไหนไม่ได้ สักพักคนรถห้องเย้นมาบอกว่า พี่ๆน้ำมันใกล้หมดแล้ว เดวตู้เย็นไม่เย็นนะพี่ทำไงดี ซื้อน้ำมันได้ไหมผมถามดูโดยลืมไปว่าถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ จะให้ไปซื้ออย่างไรดีละพี่ พี่เห้นป่าวเราไปไหนไม่ได้ ทำไงดีละ เอาละซิซวยแล้วเรา

เอางี้เอ็งไปดับเครืองรถไป เหลือแต่เครืองทำความเย็นพอ มันพอคงประทังไปได้สัก 4 ชม ผมบอกเค้าไปอย่างนั้น แล้วพวกเอ็งมานั่งในรถข้า เราดับเครืองไม่ได้เพราะฝนตกหนักต้องติดเครืองเปิดแอร์

ครานี้ฟังวิทยุอีก ในวิทยุบอกว่าทางขาดทีบางสะพาน ความซวยมาเยือนกูจริงๆละเนี่ย เมื่อไหร่มันจะออกหัวออกก้อยวะ ขาดนานอ่างนี้ปลาเราไม่ฉิบหายหมดหรือ ผมรีบถามคนรถว่าถ้าน้ำมันหมด รถคงความเย็นได้นานเท่าไหร่ ได้คำตอบว่ามันอยู่ได้ 12 ชม เฮ้อโล่งอก วื้อเวลาได้อีกหน่อยวุ้ยสื ผมได้แต่สวดอ้อนวอนพระเจ้าขผมว่าให้เค้าซ่อมทางเร็วๆ

รอแล้วก็รอจนตีหนึ่งกว่าๆ คนรถบอกว่า พี่น้ำมันเครือวงทำความเย็นเกลี้ยงเลย เอาละสิ ผมเริ่มคิดต่อ แล้วถ้าซ่อมทางเสร็จรถจะเอาน้ำมันที่ไหนวิ่งละเนี่ย ผมเลยจำเป็นต้องดับเครืองรถ เอาผ้าใบในท้ายกระบะออกมา มาขึงทับหลังคาไฟเบอร์รถปิคอัพผม แล้วใช้เชือกรั้งเอาไว้กันน้ำฝนเข้ารถ เราทุกคนย้ายมานั่งในกระบะแทน เปิดหน้าต่างออก ดชคดีผมซื้อขนมของฝากที่จะไปให้คนทางบ้าน เราขนออกมากินกัน ประทังชีวิต

ผมนะไม่เท่าไหร่ เพราะผมเป้นอิสลาม ฝึกการถือศีลอดทุกปี เรื่องแค่นี้ชิวๆๆ

เรารอกันจนข้ามวันข้ามคืน พอ 9 โมงเช้าได้ข่าวจากวิทยุว่า ทางการได้ส่งช่างมาทำสะพานแบริ่ง สะพานแบริ่งคือสะพานเหล็กใช้ชั่วคราวในเวลาสงคราม ขอบคุณพระเจ้า การซ่อมสะพานยังคงดำเนินต่อไป ผมก็รอแล้วรออีก จนบ่ายสองก็ยังไม่เสร็จ ผมเข้าใจนะว่าซ่อมงานกลางฝนลำบากแค่ไหน เนื่องจากก่อนมาเป็นพ่อค้าปลาทูบ้านผม และผมเคยเป็นผุ้รับเหมาก่อสร้าง ขนาดไหนละงานก่อสร้าง เอาเป็นว่า ช.การช่างของานปะป๋า ผมทำละกัน

ผมนึกในใจว่า อายุการคีบโดยไม่ใช้เครืองทำความเย็นอยู่ได้ 12 ชม นี่เลยมา 1 ชมละ แล้วเรากว่าจะถึงกทม อีกี่ชม รถติดขนาดนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า 12 ชม แน่ๆๆ เหงื่อที่ฝ่ามือเริ่มออกมาแระ สมองคิดอย่างหนัก พอบ่าย5 ดมงเย็น วิทยุบอกว่าสะพานซ่อมเสร็จแล้ว โยวโยว โชคดีจัง พอ 6 โมงกว่าๆรถเริ่มขยับ กระดืบ กระดืบ ผมมาถึงกทมก็ 10 โมงเช้าของอีกวัน

เปิดตู้ออกดูปลา......กล่องปลาล้มระนระนาด เนื่องจากปลามันละลายกล่องบุบบิบบู้บี้หมด เปิดออกมาปลาตาแดงเลย ผมไม่กล้าดทรบอกลุกค้าของผมให้มารับปลา บอกว่าเที่ยวนี้มีปัญหา ผมไม่สามารถจำหน่ายให้ได้งานนี้ผมรับผิดชอบ เองผมคืนเงินมัดจำค่าปลาให้ลูกค้า
เสร้จแล้วทำไงละกับปลาตั้งสิบตัน ทำไงดีละพี่น้อง

ปลาทูเค็มไงครับ ว่าแล้วไปขนสมุน ที่ติดยา แต่ตอนนี้ไม่ติดยาแระ นายจิม..จับมาเลิกสูบเลิกค้า หากีฬาให้เล่นหางานให้ทำ เดวนอกเรื่องไว้คุยทีหลังเรื่องนายจิม กิจกรรมเพื่อสังคม

ให้สมุนมาช่วยลำเลียงปลาออกมา ควักไส้ออก ละลายน้ำเกลือขนานใหญ่ ผมใช้ถัง200 ลิตรมาผ่าปากออก เอามา 10 ใบ ควักไส้ปลาล้างน้ำสะอาด เอาแช่ในน้ำเกลือ สูตร 60% ของน้ำหนักปลา

ตรงนี้ละคือความโง่ของผมเอง เนื่องจากอาชีพเราขายปลานึ่งดันมาทำปลาเค็ม

ความซวย 1 คือรถทางขาด ความซวย 2 คือ เราไม่รู้เรื่องการทำปลาเค็ม ซวย 3 กำลังตามมา
ซวย 3 คืออะไร ฟ้ามันครึ้มนะพี่น้องไม่มีแดด ผมเลยต้องเพิ่มเกลือลงไปอีก 10% แช่ ครั้งละ ครึ่ง ชม เอาออกมาผึ่งแดด จริงๆแดดไม่ค่อยมี ประมาณได้ว่าผึ่งลมสะมากกว่า
กว่าจะงัดปลาออกมาตากแดด เนื้อที่ที่จำกัดอีก ปลาออกอาการเลยครับ เสียครึ่ง ใช้ได้ครึ่งนึง ใช้เวลาทำกัน 10 ชม เห็นจะได้ เหลือปลาที่เป็นปลาเค็มสามารถขายท้องตลาดได้ ประมาณ 40% เท่านั้น ปลาเค็มเมื่อตากแดดแล้วน้ำหนักจะลดไป ประมาณ 70% ปลา 10ตัน เหลือปลาเค็ม 3 ตัน แล้วดันมาใช้ได้แค่ครึ่งเดียว คือตันครึ่ง
ผมตากอยู่ สามแดด ที่บอกว่าโง่ตอนทำปลาเค็มเพราะว่าผมดันไปแคะไส้มันออก ทั่วไปเค้างัดเฉพาะเหงือกออก น้ำหนักปลาเลยหายไปมาก แหม....ด้วยความปรถนาดีอยากให้ลุกค้าได้ทานของดีสะอาดนะ

พอเอาเหงือกออก ทำให้ผมได้ปลาแค่ตันกะนิดนึงเอง ขายหรือต้องรีบขาย พอรีบขายโดนกดราคา สาเหตุที่รีบขายเพราะเราไม่ได้มีอาชีพขายของแห้ง ขายทิ้งๆไป โลละ 30บาท กำไรงามเจงๆๆนายจิม
รู้งี้แต่แรก...ทิ้งปลาทั้งหมดก็ดี แต่อย่าว่าทิ้งปลาไม่เกิดประโยชน์อันใดมาแปรรูปให้คนอื่นกิน ยังได้ตังค์ ได้บุญด้วย พักโคดสะนาแปป เดวมาบอกว่าซวย 4 คืออะไร

ซวย 4 หรอ หลังจากง่วนกับการเคลียร์เรื่องปลาเค็ม วิ่งขึ้นล่องใต้บ่อยๆ
ทำให้ผมเหินห่างครอบครัว
ภรรยาผมที่ขายของที่แผงและพาพี่น้องเมียมาช่วยขายตลาดนัด กำไรงามเลยพี่น้อง เราดูแลไม่ถึงอิอิ ไม่เชื่ออาจารย์ ดร.ยาซีน มูตู นักขายมือทอง ผมเป็นศิษย์เอกของแก แกบอกว่า

"กิจการไหนก็แล้วแต่ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงสู้ไม่ทำดีกว่า"

และอีกประโยคหนึ่งของแก

"ถ้าเรามีโปรดัคชั่นหลายตัวให้ควบรวมสะ ไม่งั้นรั่วไหลมากมายจนถึงยุบกิจการทีเดียว"

ผมละเมิดกฎข้อนี้ไง มันเลยรั่ว ส่วน ภรรยานั้นพื้นเพเดิมเค้ายากจนมากไม่เคยมีทองแม้นแต่เท่าหนวดกุ้ง พอมามีรายได้หลักแสน ก็ซื้อทองเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ทีเดียว ผมนั้นเตือนแล้วว่าอย่าเป็นเสี่ย เว่อร์ มันอันตราย มีหรือ ภรรยาจะฟัง ภรรยาเปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ใช่ไหมพี่น้อง เงินทองทุกบาททุกสตางค์ ผมเข้าบัญชีเค้าหมด เพราะสถานะผมติดบูโร จากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เลยไม่อยากเอาเงินใส่ บัญชี กฎหมายก็งี่เง่า ถ้าเอาเงินไปปลด กว่าจะลบออกต้องใช้เวลา สอง ปีถึงปลด กำหมายนี้ใครตราหว่า รฐบ ไหน ฟะ

แก้ใข กฎหมาย นี้ใครตรา รฐบ ไหน ฟะ น้านแหละ ความหมั่นไส้ ปชป รอบสองเริ่มมาแระ ภาคแรกทำเราอิอ่ายกะวิกฤตการณ์ ปี 40 มาทิ้งซากกฎหมายบ้าไรไม่รู้

ภรรยาผมไม่ฟังยังคงใส่ทองอย่างงั้น ช่างมัน อยากบ้าให้มันบ้าไป ผมนึกในใจ ผมก็ค้าขายของผมไปไม่ได้เฉลียวใจอะไรสักอย่าง

และแล้ววันหนึ่งผมกลับจากล่องปลา เชื่อไหมพี่น้องผมกลับบ้านล้มทั้งยืน บ้านผมนั้นขาวสะอาด ผมหาตัวภรรยาไม่พบไปไหนหว่า ลูกกลับจากโรงเรียนหาแม่ไม่เจอ ร้องไห้กระจองอแง เกิดอะไรขึ้นกับเราละเนี่ย

ลูกร้องไห้หาแม่ หาแม่ สมองผมมึนชาไปหมด ผมสงสารลุก ลุกผมลูกสาวเรียนเก่ง ช่วยขายปลาทูด้วย อายุเค้าตอนนั้นสัก 7 ขวบเห็นจะได้
ผมไปถามคนแถวตลาด เค้าบอกว่าเห็นแฟนผมมาเปิดแผงช่งเช้า พอเที่ยงก็ปิดแผง ไปไหนไม่รู้ ผมพยายามซัก แต่ไม่ได้อะไร

ผมสต้อปงานขายปลาทั้งหมดโทรไป cancel ผมทำมาค้าขายเพื่อครอบครัว เงินหมดหาใหม่ได้ ครอบครัวพังหาใหม่ไม่ได้ตอนนั้นมันสับสนไปหมด

ผมเป็นFamily man ตั้งเป้าหมายในชีวิตเสมอมา เวลาFail มันเลยหนักมาก

พี่น้องครับสมองผมมันปิดสวิท ไปเลย กอดลูก แล้วโอ๋ เค้าปลอบเค้า ทั้งน้ำตา

ผมมาคิดได้เราจะบ้าบออย่างงี้ได้ไง ในตอนดึก ลูกต้องเรียนหนังสือ ใครจะรับส่งลูก ใครจะหาข้าวให้ลูกกิน ผมไม่โทรบอกพี่น้อง กลัวว่าเค้าตกใจ เรื่องทุกข์ไม่อยากให้พี่น้องฟังเรื่องสุขเราให้เค้าฟังพ่อแม่เลี้ยงเรามาก็ เหนื่อยมากพอแล้วใยให้เค้าต้องมารับรู้ปัญหาของเราด้วย

วันรุ่งขึ้นผมไปตลาดแต่เช้าเพื่อหาอะไรให้ลูกกิน ปรับทุกข์กับแผงเนื้อข้างๆผมให้ฟัง เรื่องปัญหาของลูก เพื่อนข้างแผงเค้าบอกว่าเอาอย่างนี้ดิ เบื้องต้น เช้าพี่ส่งลุกเสร้จ เย็นไม่ต้องห่วงให้สามล้อถีบรับลูกจากโรงเรียนมาอยู่กับหนูที่แผงนี่ ลืมบอกไป ลูกสาวผมเรียนโรงเรียนจีน ซอยวัดสนามตรงกันข้ามกับตลาดปากเกร็ด
นี่ละเพื่อนๆอานิสงคื ของผมในการแจกปลาทูให้เพื่อนในตลาดได้กินฟรี ผมไม่เคยแบกปลากลับบ้านทั้งเหลือหรือแกล้งเหลือผมแจกหมด อย่าใจแคบครับพี่น้อง วันนึงสิ่งนั้นจะหันกลับมาตอบแทนเรา

เอาเป็นว่าปัญหาเรื่องลูกหมดไปเปลาะนึง ยุทธการสืบหาเมียเริ่มขึ้นแล้ว

ผมกลับห้องเริ่มค้นหาสมุดเงินฝาก ปรากำว่าอันตรธานหายไป ผมลองเอา เอทีเอม ผมไปกดดูปรากฎว่ามีเงินแค่ 2 แสน เงินเป็นล้านไม่เหลือเลย
ปกติผมจะให้เมียโอนเข้าเป็นคราวๆเวลาต้องการใช้เงิน ผมรีบกลับไปที่ตลาดเริ่มสืบจากคนในตลาดก่อน และเลยมาที่หน้าตลาดว่ามีไรผิดปกติหรือไม่ ทุกคนส่ายหน้า แต่แววตานั้นเหมือนมีไรซ่อนอยู่ ผมไม่ลดละ พยายาม ภาษาอังกฤษ บอกว่า we have to try and tryผมจำคำสอน จากบราเดอร์ฝรั่ง ตอนที่เรียนอัสสัมชัญ
และแล้วผมก็ ได้เบาะแสจากแม่ค้าคนหนึ่ง แม่ค้าผักเจ้าใหญ่ เค้าบอกว่ามีลูกค้าคนหนึ่งมาซื้อบ่อยมากเป็นตำรวจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจที่ไหนท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ย อ้อ ลืมบอกไปเมียผมอดีตนางนพมาศ เชวนะ สวยมาก แต่เค้าบ้าทอง ใส่มันทั้งตัว นิ้วมือ 20 นิ้วไม่เว้นว่างั้นเถอะ
ได้การละ สมองเริ่มคิดจังไรแล้วผม ผมไปหลังตลาดไปหาสามล้อถีบและพวกติดยาหลังตลาด พวกติดยากับพวกสามล้อถีบพวกนี้ไม่กล้ากับผมเพราะกินปลาทูฟรีผมประจำผมให้นะ

เฮ้ยพวกมึงมีใครเห็นเมียกูบ้างวะ วงแตกเลยพี่น้องมันหลบตากันเป็นแถวๆๆ ไอ้อู้ด....มึงนะขาใหญ่ใช่ไหม บอกกูมาไอ้นี่ปั้ดเหนี่ยวเลย

ได้การละมันรู้แหะไอ้นี่ มันบอกว่า พี่ ผมเห็นเมียพี่เค้านั่งซ้อนท้ายตำรวจ วันที่เมียพี่หายนั่นแหละ มันบอกรุปร่างลักษณะเสร็จ ตรงกับที่แม่ค้าผักคนนั้นบอก ผมไม่อยากยุ่เงเรื่องผัวเมีย พี่อย่าเอาผมไปยุ่งนะ เออกูรู้ พวกมึงไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ

ผมงี้ขาสั่นสมองชา..ตรึบมือกำหมัดแน่น แต่ทำท่าเป้นทองไม่รู้ร้อนไม่อยากเสียฟอร์มกับสมุน

รีบเดินขึ้นโรงพักปากเกร้ดเลย ตอนนั้นโรงพักย้ายจากหลังตลาดไปที่แถวสวนสมเด็จใกล้สะพานนวลฉวี ไปหา สารวัตร แมน ซี้กัน ไปสอบถามรุปพรรณตำรวจ ปรากฎว่าไม่มีสารวัตรบอกว่าให้ผมช่วยตามหาให้ไหม ผมบอกว่าไม่เป็นไรครับเรื่องในครอบครัว

ผมรีบกลับมาบ้านต่อจิ้กซอร์ ฟันธงได้ทันทีว่าเมียผมหนีตามตำรวจแน่ๆ

ผมนั่งบ้าอย่างนั้น 2 คืนสองวันไม่กินไม่นอน กอดลูกร้องไห้กับลูก และแล้วก็มีจดหมายมาที่ห้อง เมียผมเขียนมาว่า ปล่อยเค้าไปเถอะ เค้าเจอคนที่ถุกใจและดูแลเค้าได้แล้ว

มือผมสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม มองหน้าลูก สงสารเค้าทำไงดีละกับชีวิตเรา ลูกผมมองตาผมใสๆเหมือนจะถามว่าจดหมายใคร จดหมายแม่หรือเปล่า ผมไม่ตอบกอดลุกไว้แน่นเอามือลูบหัวเค้า แล้วบอกเค้าว่า "เรามีกันสองคนนะลูก ต่อแต่นี้เราต้องรักกันมากๆ ป๋า จะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้หนู" พี่น้องขออนุญาต พักก่อนนะครับระหว่างเขียนนี้น้ำตาผมก็ซึมแล้วครับ



ผมนิ่งไปสักพักใหญ่ ..... ลูกผมเค้าก็ไม่เข้าใจความหมายที่ผมบอก คงเซ้าซี้อย่างนั้นเรื่องแม่เค้า ผมไม่พูดบอกอะไรทั้งนั้น

ผมมานั้งตรองดูเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกความหวังมีได้หมดได้ เราสร้างมันใหม่ซิ เราไม่ได้ทำเพื่อใคร หรือเพื่อตนเอง เราต้องสู้ สุ้ โว้ยนายจิม หลังจากพาลุกกินข้าวอาบน้ำ กกลูกนอน

ผมเริ่มมีสติมากขึ้นโทรหาลุกค้าทั้งหมด บอกว่าตอนนี้ผมไม่มีสมองทำอะไรบอกเค้าทั้งหมดผมไม่อายที่จะบอกใครเพื่อเป้ นอุทาหรณ์ของชีวิต

ผมบอกว่าขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เป็นลุกค้าที่ดีเสมอมา ตอนนี้ผมมันสติรั่วไปแล้วคงไม่มีสมองมาทำอะไรอีก เดี๋ยวผมบริการไม่ได้จะเสียที้งเมียเสียทั้งเพื่อนและลุกค้า ผมลืมบอกไปสไตล์ผมชอบพูดเรื่องจริง คนรอบข้างเค้าจะได้จัดการชีวิตเค้าได้ถูก

พวกพี่คงต้องช่วยเหลือตนเอง ละครับคงต้องกลับไปหาซื้อปลาที่มหาชันกันครับ ผมขอโทษด้วยจริง ๆ อาการผมดีกว่านี้จะมาบริการให้ใหม่นะครับ

ผมนอนคิดอยู่อีก ทั้งคืนคืนนั้น ว่าเราต้องการเมียเรากลับหรือไม่ ถ้าเราเอากลับมา เราต้องเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย แต่ถ้าไม่เอากลับละ ไม่มีคำตอบครับ มองลุกที่หลับข้างๆ

และแล้วผมก็ได้คำตอบว่า....ผมต้องตามแม่เค้ากลับ เราทำเพื่อลูกใช่ไหม เราจะไปแคร์อะไรกับคำว่าศักด์ศรีลูกผู้ชาย ลูกผมต้องไม่เป็นเด้กกำพร้า ลูกผมต้องการไออุ่นจากแม่ของเค้า เรื่องของตัวเรามันจิ้บจ้อยนักเมื่อเทียบกับความรู้สึกลูก

วันรุ่งขึ้นผมไปลาครูที่โรงเรียนลูกวันนั้นวันพฤหัสผมจำได้แม่นยำ บอกว่าลาสักสองวันนะครับ

ว่าแล้วผมก็กระเตงลุกขับรถไปบ้านแม่เค้าที่บุรีรัมย์ ไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ถามหาไม่เจอ ผมไม่โง่นะ ก่อนเข้าหมู่บ้านผมลองสืยเลียบๆเคียงร้านค้าแถวนั้นก่อยปรากฎว่าไร้วี่แวว

แม่ยายพ่อตาถามว่าเอ็งมีปัญหากันหรอ ผมตอบว่าครับนิดหน่อย แต่ผมไม่พูดอะไรให้รู้ เออ เดวมันมาข้าฯจะส่งข่าวให้ แห้วสิเรา

ผมก็ขับรถกลับ ตระเวนหาตามบ้านเพื่อนเค้าจนเหนื่อยใจ ลูกก็เหนื่อยไม่มีใครได้ข่าว

จนวันอาทิตย์นั่นแหละผมถึงกลับมาบ้านเพื่อเตรียมการให้ลุกไปดรงเรียน ตัวผมเองนะหรือข้าวปลาไม่กิน ตาโบ๋

วันรุ่งขึ้นผมเอาลุกไปโรงเรียนอีก กลางวันวิ่งตามหาไปทั่ว ไม่มีวีแววใดๆ

สมองผมนะหรืออะไรก็ได้วิธีไหนก็ ได้หมดเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อเอาตัวเมียกลับมา

เริ่มคิดแระถึงไสยศาสตร์ อะได้การเริ่มเลย ตำหนักไหนดี ค่าทำเท่าไหร่ให้เรียกกลับ อูยพี่น้องผมหมดไปเหยียบแสน 7 วันล่อไปสักสิบตำหนักเห็นจะได้ แต่ละที่ 7 พัน บ้าง 8พัน บ้าง หมดตูดเลย พอครบอาทิตย์ ก็ ไม่กลับ นี่แหละอุทาหรณ์ อย่าเชื่อพวกทรงเจ้าเข้าผี

ครบอาทิตย์ผมเริ่มล้า ผมมองหน้าลูกสงสารเค้า เอาลูกอาบน้ำนอน ผมคิดอะไรอยู่ ความคิดผมมันสับสนวุ่นวายไปหมด
ตอนนั้นบ่ายวันอาทิตย์ ผมเคยด่าคนที่ฆ่าตัวตายนะโง่ ตอนนี้เริ่มรู้แล้ว มันมีคำสั่งซ้ำๆ กันในสมอง ในหูว่า เราตั้งความหวังไว้มากมายผ่านร้อนผ่าหนาวมาเยอะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มันซ้ำๆๆกันในสมอง อย่าอยู่เลย ซ้ำๆๆกันเป็นพันเที่ยวในรูหู เหมือนพรายกระชิบ ลูกผมนอนหลับข้างๆ นอนคุดคู้มองเค้าน้ำตาผมไหลอาบแก้ม

ผมหันไปมองปืนคู่ชีพผม 11 มม จับมันมาลูบแล้วลูบอีก และแล้วผมค่อยๆยกมันมาจ่อที่ขมับตนเอง

ลูกจ๋า ป๋าลาก่อน ป๋า เป็นพ่อที่เฮงซวยทำให้หนูต้องกำพร้าแม่ อยู่กับย่านะลูกนะ

ขอพักแปปนะพี่น้องน้ำตาผมมันเริ่มไหลอีกแล้ว

ปัง........ปัง........เสียงเคาะประตู ดังขึ้น พร้อมมีเสียงตะโกน เรียก โบ้ โบ้....หูแตกไง เสียงแม่ผมครับ ผมตื่นจากภวังค์ ผมวางปืนลง น้ำตาไหลพรากๆรีบไปเปิดประตูให้แม่เข้ามา

ผมก้มลงกราบตีนแม่ร้องไห้แต่ไม่มีเสียงน้ำตาไหลนองหน้า แม่ผมขอโทษ ผมเกือบทำอะไรโง่ๆๆ แม่มองหน้าผมแกก็คงรู้แกมองเห็นปืนที่วางไว้ทีหัวนอน

แม่ย่อเข่าลงมากอดผมเอามือลุบหัว แกมีปัญหากันใช่ไหม อย่าคิดอะไรโง่ๆ ลุกมันไม่มีแม่ แต่มันไม่มีแกไม่ได้ ลุกคือแก้วตาดวงใจของแก แกตั้งความหวังไว้มากมันก็เจ้บอย่างนี้แหละ เอาเป็นบทเรียนนะลุกนะ

ไป ไปล้างหน้าล้างตา ออกรถ เอาลูกไปด้วย ลงใต้กันขับไปเรื่อยๆ ไปกับแม่แหละ แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับ

ผมทำตามอย่างที่แม่บอก จัดแจงเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ขับรถล่องใต้ทันใด ระหว่างทางแม่ก็ซักเรื่องราวไปด้วยอะไรไปด้วย แม่บอกว่าวันนั้นไม่รู้อะไร แกอยากกินปลาทูนึ่งและคิดถึงหลาน แกเลยมาหาว่าจะเอาปลาทูติดมือกลับบ้านไปด้วย

แม่เริ่มสะกดจิต ผมละ อิอิ ลืมบอกไปแม่ผมแกเป้นครูมาก่อน ครุสมัยก่อนเค้าเรียนวิชาครูด้วย

แม่บอกว่าเสียอะไรเสียไปลูก..เงินทองช่างหัวมัน หมดได้หาใหมาได้ เค้าเอาไปถือว่าเค้าให้ลูกที่ประเสริฐ กับแกมา

คนเรานะลูกอย่าให้ตายอย่าให้ติดคุก คนติดคุกคิดได้ทำไม่ได้ คนตายคิดไม่ได้ทำไม่ได้ จำไว้นะ

ความทุกข์หรือเป็นเช่นไร หันหน้าเข้าหามันแล้วลูกอ้าปากว้างๆหัวเราะดังๆ แล้วบอกมันว่า ไอ้หน้าความทุกข์แกไม่มีวันชนะฉันได้หรอก 5555

ตอนนี้ลูกสาวผม 18 ครับ เค้าเตรียมเอนเทรานซ์ คะแนนจีพีเอสวยมาก 5 พันกว่าคะแนนแล้ว เข้าจุลา ได้สบาย เค้าต้องการเข้า จุลา เพราะว่าเค้าบอกว่าจะไปเปลี่ยนทัศนะคติ คนในนั้นเรื่องแบ่งวรรณการศึกษา ดูมันคิดดิไอ้ลูกคนนี้

ผมตระเวนที่ใต้ยันโกลก เข้าตามป่าตามเขาไปสงบสติอารมย์ ได้สัก 3วัน ไม่อยู่แหะยิ่งบ้าขึ้น มันร้อนในอกไปหมดแหะ ขับรถกลับกทม ระหว่างทางแม่บอกประโยคนึงทำให้ผมมีสติมากขึ้น ว่า

ตอนนี้นะถ้าแม่มีเงินสัก 10 ล้าน กองให้แกแล้วซื้อความสุขให้แกได้แม่จะทำ แต่มันเปล่าประโยชน์ ถ้าแกไม่รู้จักสู้กับมัน สู้ให้ได้นะลูกทุกอย่างมันอยุ่ที่ใจแก แกชนะคนทั้งโลก แกทะนงตนเองเก่ง แล้วเป็นไง แม้กระทั่งใจแกเองยังแพ้เลย อย่างนี้จะเรียกว่าแกชนะได้อย่างไร

ผมขับรถไป ปาดน้ำตาไป ประโยคนี้เองทำให้ผมมีสติ กลับถึงกทม แม่ครับผมฝากลูกไว้ด้วย

แม่ถามว่าแล้วแกจะไปไหน ผมตอบว่าผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะหันหน้าสู้กับมัน ไอ้หน้าความทุกข์นี่แหละอย่างที่แม่บอก

คืนนั้นแม่ไม่กลับบ้าน ค้างกับผมแม่คงเป็นห่วงผมทำอะไรบ้า ๆ อีก ผมนอนหลับได้แหะ วันรุ่งขึ้นรีบไปลาคุณครู เอาลูกออกจากโรงเรียน เอาแม่และลูกไปฝากที่โรงเรียนแถวบ้านแม่ แล้วผมนอนค้างที่บ้านแม่คืนนึง

ระหว่างนั้นในใจเราคิดว่าเราต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งสร่าน และแล้วผมก็ ได้คำตอบ

ข้างบ้านแม่ผมเค้าซื้อแท็กซี่แจกให้ลูก ๆ เค้าคนละคันขับทำมาหากิน ผมได้คิดแระ ขับแท็กซี่ดีไหมเรา เช้ามืดมิรอช้า รีบไปคุยกับเค้าว่ารายได้เท่าไหร่ ขับเป็นอย่างไร ลูกค้าเป็นคนแบบไหน สไตล พ่อค้าเริ่มอีกแระ

ได้ความมาว่าเค้าขับหลับ ๆ ตื่น ๆ ได้เงินวันละ 16,00-17,00 บาท ผู้โดยสารมีหลายประเภท บางคนขึ้มาก็บ่น ๆ ๆ เรื่องตนเอง บางคนคุยเรื่อยเปื่อย สมองผมเริ่มคิดแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องรายได้ ตอนนี้ผมต้องการเพื่อน ใครละที่จะเป็นกระโถนให้เราได้ ผู้โดยสารไงนายจิม ปิ้ง ๆๆมาในสมองทันใด

ผู้โดยสารบ่นมาเราบ่นไป เจอกันครั้งเดียว อิอิ ไม่ต้องแคร์ใครได้การแระนายจิม

น้านแหละคือจุดเริ่มต้นของคนขับแท็กซี่ของนายจิม ตอนต่อไปจะมาเล่าว่านายจิม จะผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้หรือไม่โปรดติดตามชม นะครับ ใครอยากฟังยกมือขึ้น

++++++++++++++++

อิอิ ติดตามชม วันพรุ่งนี้คร้าบ เสียใจด้วย เดวเซ้งหมด เรื่องนี้สนุกมีซ่อนเงื่อนอีกเยอะแบบเพชรพระอุมาเชว

จุดประสงค์ที่เขียนเพื่อเป็นอุทหรณ์ และเพื่อเพิ่มกำลังใจในการสู้ชีวิต คนเราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ชอบ แต่เราต้องทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราต้องทำ นั้นคือชีวิตผม

ถ้าเพื่อนๆท่านใดเก็บเกี่ยวประโยชน์ จากเรื่องราวที่ผมเขียนมาทั้งหมด ผมขอยกประโยชน์ ให้พี่น้องร่วมชาต ทุกท่านช่วยกันนำพาซึ่งความสุขของคนในชาตทุกคนนะครับ อย่าให้ทุกข์เหมือนนายจิม

++++++++++++++

รวมข้อเขียนของท่าน Jimbo ทั้ง 6 กระทู้ ครับ
เป็นแบบ pdf ไฟล์ ครับ
http://sv1.uploadfile.biz/get.php?file=473655266623
ผมไม่ได้ตรวจทาน และไม่ได้แก้ไขคำผิด ใดๆ ทั้งสิ้น ครับ
ก็อปมาจากแต่ละกระทู้ เฉพาะข้อความของท่าน Jimbo ครับ
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=820541
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=822001
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=822679
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=822780
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=823210
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=824493

ขอบพระคุณ ท่าน Jimbo หลายๆ ครับ
มีประโยชน์มาก ครับ

++++++++++++++

ทักกี้...สอนธุรกิจ Jimbo

วิสัยทัศน์ทำธุรกิจเค้าทำแบบนี้ เข้าใจไหม?
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่กำลังท้อแท้และเพื่อเพิ่มกำลังใจในการสู้ชีวิต...
ชีวิตต้องสู้ของคุณ Jimbo ติดตามไปอ่านต่อได้ที่นี่อีกที่นะครับ...
http://sites.google.com/site/northfoodd/hna-xan-hna-suksa-
และ...
http://sites.google.com/site/zone1kongthun/hna-xan-hna-suksa-
และ
http://northfoodd.blogspot.com/2009/02/blog-post_2830.html
และอันนี้...สารพัดสารพันสุขภาพความสวยความงามสำหรับคุณผู้หญิง...คุณผู้ชายก็ได้นะครับ...รู้ไว้ได้ประโยชน์
http://fashiondukdik.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น